แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทติดกับที่นาที่โจทก์เช่าจากจำเลย และอยู่ในเขตที่ดินตามเอกสารการครอบครองที่ดินของจำเลยด้วย โจทก์ได้แผ้วถางที่พิพาทแสดงการยึดถือเอาเองเป็นปรปักษ์ต่อสิทธิ์ครอบครองของจำเลย จำเลยจึงไปร้องเรียนต่ออำเภอ นายอำเภอเปรียบเทียบให้ที่ดินเฉพาะที่ปรากฏตามแบบสำรวจเนื้อที่ดินเพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่ของจำเลย ซึ่งมีที่พิพาทรวมอยู่ด้วยเป็นของจำเลย แต่โจทก์ก็ยังมิได้ส่งมอบเพราะครอบครองอยู่ตั้งแต่เช่า ดังนี้ถือได้ว่าที่โจทก์ครอบครองต่อมานั้น เป็นการครอบครองแทนจำเลยระหว่างรอการส่งมอบ หาใช่ครอบครองโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนไม่ แม้จะครอบครองมาเกินหนึ่งปี ก็ไม่ได้สิทธิ์ครอบครอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีที่นา ๑ แปลง เนื้อที่ประมาณ ๑๓ ไร่ โจทก์บุกเบิกก่อสร้างทำประโยชน์มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๒ เมื่อเดือน ๑๒ พ.ศ. ๒๕๑๖ โจทก์ทราบว่าจำเลยทั้งสองขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินของตน วัดพื้นที่ครอบมาถึงที่นาของโจทก์ด้วย โจทก์บอกกล่าวแล้ว จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยแก้ไขหนังสือรับรองการทำประโยชน์เสียให้ถูกต้องโดยตัดส่วนที่ครอบถึงที่ดินโจทก์ออก หรือใส่ชื่อโจทก์ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ด้วยโดยแบ่งที่ดินกันตามส่วนที่แต่ละคนเป็นเจ้าของ
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ ๒ ไม่เคยเกี่ยวข้องกับที่พิพาท ที่พิพาทเดิมเป็นของนายหินบิดาของนางชินภรรยาของจำเลยที่ ๑ นายหินยกให้นางชิน นางชินกับจำเลยที่ ๑ ครอบครองนาพิพาทมา ๑๕ ปีเศษ นางชินได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้ว เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ – ๒๕๑๒ โจทก์เคยเช่านาพิพาทจากนางชินทั้งแปลง แต่ให้ค่าเช่าปีเดียว นางชินไปร้องต่อนายอำเภอ ในที่สุดนางชินยอมสละค่าเช่า ให้โจทก์เลิกทำนาต่อไป ปี ๒๕๑๓ ถึงปี ๒๕๑๖ จำเลยที่ ๑ ให้ผู้อื่นเช่า
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทติดกับนาที่โจทก์เช่าจากจำเลยที่ ๑ ที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินตามเอกสารการครอบครองที่ดินของจำเลยที่ ๑ โจทก์แผ้วถางที่พิพาทแสดงการยึดถือเอาเอง เป็นปรปักษ์ต่อสิทธิ์ครอบครองของจำเลย จำเลยจึงไปร้องเรียนต่ออำเภอ นายอำเภอเปรียบเทียบให้ที่ดินเฉพาะที่ปรากฏตามแบบสำรวจเนื้อที่ดินเพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่ของจำเลยที่ ๑ ซึ่งมีที่พิพาทรวมอยู่ด้วยเป็นของจำเลยที่ ๑ แต่โจทก์ก็ยังมิได้ส่งมอบเพราะครอบครองอยู่ตั้งแต่เช่า วินิจฉัยว่า ถือได้ว่าที่โจทก์ครอบครองต่อมานั้น เป็นการครอบครองแทนจำเลยที่ ๑ ระหว่างรอการส่งมอบ หาใช่ครอบครองโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนไม่ แม้โจทก์จะครอบครองที่พิพาทมาเกินหนึ่งปี โจทก์ก็หาได้สิทธิ์ครอบครองไม่
พิพากษายืน.