คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยออกเช็คให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายนั้นแม้ไม่ได้ระบุไว้ด้วยว่าจำเลยเป็นหนี้ค่าอะไรและบังคับได้ตามกฎหมายอย่างไรก็เป็นการเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วส่วนข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยเป็นหนี้ค่าอะไรและบังคับได้ตามกฎหมายอย่างไรเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องหรือชั้นพิจารณาไม่จำเป็นต้องบรรยายมาในฟ้องฟ้องโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ตาม พระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิด อัน เกิดจาก การ ใช้ เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้น ไต่สวน มูลฟ้อง แล้ว เห็นว่า คดี มีมูล ให้ ประทับ ฟ้อง
จำเลย ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 จำเลย ออก เช็ค รวม 3 ฉบับ เป็น ความผิด 3 กระทงให้ เรียง กระทง ลงโทษ จำคุก กระทง ละ 6 เดือน รวม จำคุก 18 เดือนจำเลย ให้การรับสารภาพ ลดโทษ ให้ กึ่งหนึ่ง คง จำคุก กระทง ละ 3 เดือนรวม จำคุก 9 เดือน
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า มี ปัญหา ที่ จะ ต้อง วินิจฉัย ตาม ที่ จำเลย ฎีกาและ ศาลชั้นต้น สั่ง รับ ข้อ เดียว ว่า โจทก์ ไม่ได้ บรรยายฟ้อง ว่าหนี้ ที่ มี อยู่ จริง และ บังคับ ได้ ตาม กฎหมาย นั้น จำเลย เป็น หนี้ ค่า อะไรและ บังคับ ได้ ตาม กฎหมาย อย่างไร ไม่ชอบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) เห็นว่าการ บรรยายฟ้อง ดังกล่าว เพียงพอ ที่ จะ ทำให้ จำเลย เข้าใจข้อหา ได้ ดี แล้ว ส่วน ข้อเท็จจริง ที่ ว่า จำเลย เป็น หนี้ ค่า อะไร และ บังคับได้ ตาม กฎหมาย อย่างไร เป็น รายละเอียด ที่ โจทก์ จะ ต้อง นำสืบ ใน ชั้นไต่สวน มูลฟ้อง หรือ ชั้นพิจารณา ไม่จำเป็น ต้อง บรรยาย มา ใน ฟ้องฟ้องโจทก์ ชอบ ด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้วฎีกา จำเลย ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share