คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การห้ามขุดคูใกล้แนวเขตที่ดินกว่าครึ่งหนึ่งแห่งส่วนลึกของคู ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1342 นั้น ถ้าตรงเขตที่ดินเป็นคันนา ซึ่งเจ้าของที่ดินที่ติดต่อมีสิทธิร่วมกันในคันนานั้นจะใช้เป็นทางเดินร่วมกันแล้วการวัดระยะจากเขตต์ที่ไปถึงปากคู ที่ขุดจะต้องวัดจากริมคันนาด้านที่ขุดคูไปถึงปากคู ไม่ใช่วัดจากกลางคันนาไป

ย่อยาว

เนื้อเรื่องแห่งคดีมีว่า โจทก์จำเลยมีนายอยู่ติดกันโจทก์จำเลยเคยเป็นความกันเรื่องรุกล้ำที่ดิน ในที่สุดได้ยอมความกันว่าคันนาพิพาทด้านตะวันตกของที่ดินโจทก์นั้น โจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิคนละครึ่งของคันนาตามสภาพที่มีอยู่บัดนี้ และเอาไว้ใช้ร่วมกันบัดนี้จำเลยขุดคูในที่ของจำเลยเข้ามาติดกับคันนารายนี้ โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยขุดติดคันนาจนทำให้คันนาพังทลาย เป็นการต้องห้ามตาม
ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๓๔๒ ทำให้โจทก์เสียหายใช้เป็นทางเดินไม่ได้ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยถมที่ดินตลอดแนวคันนาให้มีสภาพคงเดิม
จำเลยแก้ว่า จำเลยขุดในเขตต์จำเลยและห่างแนวเขตกลางคันนา ๑ เมตร ไม่ต้องห้าม
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคันนานี้โจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิร่วมกันจึงต้องวัดจากริมคันนาด้านตะวันตกไปถึงคูจึงเป็นการละเมิด พิพากษาให้จำเลยถมคูตอนติดกับคันนาให้ห่างคันนาครึ่งหนึ่งแห่งส่วนลึกของคู
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าต้องวัดจากกลางคันนาไม่ใช่ริมคันนาด้านจำเลย เมื่อวัดดังนี้มาถึงปากคูที่จำเลยขุด ก็ห่างกว่าครึ่งหนึ่งแห่งส่วนลึกของคูจึงไม่ต้องห้ามตามกฎหมายที่โจทก์อ้าง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่กฎหมายบัญญัติให้กันที่ไว้เช่นนั้น ก็โดยเห็นว่าที่ปากคูจะต้องพังลงตามธรรมชาติแต่คงไม่ถึงครึ่งหนึ่งของส่วนลึกฉะนั้นการที่จะวัดระยะซึ่งจะกันไว้เผื่อพัง ทลายนี้ก็จะต้องวัดจากริมคันนาในที่ซึ่งโจทก์จำเลยมีสิทธิร่วมกัน จำเลยได้ทำยอมไว้กับโจทก์ชัดแจ้งแล้วว่า จะใช้เป็นทางเดินร่วมกัน ถ้ายอมให้วัดดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ฝ่ายโจทก์ก็จะขุดจนติดคันนานี้บ้างในทำนองเดียวกัน ในที่สุดคันนานี้จะพังทลายหมดไม่มีทางเดินเหลือย่อมเห็นได้ว่าผิดความมุ่งหมายที่จะให้ใช้เป็นทางเดินร่วมกัน
จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share