คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญากู้เงินกัน ผู้กู้ยอมให้ผู้ให้กู้เข้ามาทำการค้าขายในร้าน ซึ่งผู้กู้ได้เช่าอยู่ก่อนนั้นตลอดไป หรือจนกว่าผู้ให้กู้จะออกไปและเมื่อผู้ให้กู้ไปจากร้านนี้เมื่อใด ผู้กู้จะส่งเงินที่กู้ไปให้แก่ผู้ให้กู้ครบจำนวนที่กู้ทันที ดังนี้ถือได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน ตราบใดที่สัญญานี้ยังไม่เลิกและผู้ให้กู้ไม่ได้ทำผิดสัญญาแล้ว ผู้กู้ไม่มีเหตุอะไรจะฟ้องขับไล่ผู้ให้กู้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าที่โจทก์เช่ามาโดยอ้างว่าให้จำเลยอาศัยชั่วคราว
จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์กู้เงินจำเลย ๒๐๐๐ บาทแล้วยอมให้จำเลยกับครอบครัวเข้ามาอยู่ในห้องเช่ารายนี้ได้ตลอดไปโดยจำเลยตกลงไม่คิดเอาดอกเบี้ยและยอม เสียค่าเช่าห้องอีกเดือนละ ๒๐ บาท จำเลยถือว่าจำเลยเป็นผู้เช่าช่วงห้องรายนี้จากโจทก์แล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยคืนห้องให้โจทก์และให้จำเลยออกไปเสียจากห้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เช่าห้องพิพาทจากแผนกผลประโยชน์วัดเขาบางทราย ใช้เป็นที่อยู่อาศัยและทำการค้าตั้งชื่อร้านว่า เสริมไทย แล้วโจทก์ทำสัญญากู้เงินนางสมวรรณจำเลย ๒๐๐๐ บาท สัญญาข้อ ๒ มีว่า “ผู้กู้สัญญาว่าจะนำเงินที่กู้มาชำระจนครบถ้วนภายในไม่เกินวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๙๓ ส่วนดอกเบี้ยจะชำระให้ชั่งละ ๑ บาท ภายในวันที่ครบอายุสัญญา” ข้อ ๓ ว่า “ผู้ให้กู้สัญญาว่าจะยอมให้ผู้ให้กู้เข้ามาทำการค้าขายในร้านเสริมไทยซึ่งข้าพเจ้าได้เช่าอยู่ก่อนนั้นตลอดไปหรือจนกว่าผู้ให้กู้จะออกไปและขอให้สัญญาว่าเมื่อผู้ให้กู้ออกจากร้านเสริมไทยเมื่อใด ข้าพเจ้าจะส่งเงินที่กู้ให้แก่ผู้ให้กู้เป็นจำนวนเงิน ๒๐๐๐ บาททันที…” ขณะทำหนังสือกู้นายเที่ยงยังคงอยู่ในห้องรายนี้ ต่อมานายเที่ยงออกไปจำเลยเข้าอยู่อาศัยและทำการค้าในนามร้านเสริมไทยและเป็นผู้เสียค่าเช่าให้แก่วัดเขาบางทราย แต่โจทก์ยังคงเสียภาษีป้ายและร้านค้าบัดนี้โจทก์ต้องการเช่าคืน จำเลยไม่ยอมคืนให้ โจทก์จึงมาฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยเข้าอยู่ในห้องรายพิพาทโดยมีสัญญาต่างตอบแทนดังกล่าวแล้ว ไม่ใช่เรื่องอาศัยดังโจทก์ฟ้องตราบใดที่สัญญานี้ยังไม่เลิกและจำเลยก็ไม่ได้ทำผิดสัญญา ก็ไม่มีเหตุอะไรที่จะฟ้องขับไล่
จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น

Share