คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยใช้ขวดแตกซึ่งมีลักษณะเป็นปากฉลามแทงผู้เสียหายโดย แรงที่ลำคออันเป็นอวัยวะสำคัญ เป็นผลให้ที่ลำคอซีกซ้ายของผู้เสียหายเป็นบาดแผลปากฉลาม กว้าง ยาวประมาณ 4×4 เซนติเมตร โลหิตพุ่ง ออกไม่ขาดสาย หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีแล้วผู้เสียหายอาจเสียโลหิตมากและเสียชีวิตได้ และจำเลยยังใช้ขวานผ่า ฟืน หน้าขวานกว้างประมาณ 3 นิ้วครึ่ง ตัวขวานยาวประมาณ 5 นิ้วครึ่งและด้ามขวานยาวประมาณ 28 นิ้วครึ่ง อันเป็นอาวุธประเภทของมี คมขนาด ใหญ่ฟันผู้เสียหายที่บริเวณไหล่ใกล้ลำคอ ซึ่งถ้าผู้เสียหายไม่ยกมือขึ้นกันเอาไว้ คมขวานก็อาจจะไปถูกลำคอผู้เสียหายได้ นอกจากนี้จำเลยยังบอกผู้ที่เข้ามาห้ามปรามว่า จำเลยจะซ้ำผู้เสียหายให้ตายพฤติการณ์ของจำเลยบ่งชี้ชัดว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,288, 297 และริบขวานของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 288 จำคุกจำเลย 10 ปี ริบขวานของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 กำหนดโทษจำคุก 3 ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยได้ให้ความรู้แก่ศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ เห็นควรลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกจำเลย 2 ปี ขวานของกลางคืนเจ้าของ คำขออื่นให้ยก
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยเป็นบุตรนายรังและเป็นพี่ของนางบุญช่วย ทิพยธรรม ภรรยาผู้เสียหาย วันเกิดเหตุนายรังทำบุญเลี้ยงผีบ้านผีเรือน และมีการเลี้ยงสุราผู้ที่มาร่วมงาน ผู้เสียหายและจำเลยก็ไปร่วมงานซึ่งต่างก็ได้ดื่มสุราด้วยมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายว่า เมื่อผู้ที่มาร่วมงานกลับกันไปแล้วเหลือแต่ผู้เสียหาย จำเลย นายรัง และนายถนอม จำเลยได้พูดว่าผู้เสียหายทำนองว่าเป็นคนไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว ผู้เสียหายพูดโต้ตอบในเชิงโต้เถียง จำเลยลุกขึ้นใช้เท้าขวาเตะซี่โครงด้านซ้ายของผู้เสียหาย 2 ครั้ง พอเตะครั้งที่ 3 ผู้เสียหายก็ลุกขึ้นแล้วเอามือจับที่ขาเป็นเหตุให้จำเลยล้ม แล้วจำเลยหันกลับมายึดผู้เสียหายล้มลงไปด้วยกัน ขณะที่ล้มลงไปนั้นจำเลยหยิบขวดสุราที่อยู่ด้านหลังผู้เสียหายมาตีที่ใบหูผู้เสียหายด้านซ้ายโดยแรงจนกระทั่งขวดสุราแตกเมื่อขวดสุราแตกแล้วก็เอาขวดสุราที่แตกแทงบริเวณลำคอของผู้เสียหาย1 ครั้ง มีบาดแผล จากนั้นจำเลยก็ทิ้งขวดแล้วคว้าขวานสำหรับฟันฟืนฟันที่บริเวณไหล่ซ้ายของผู้เสียหายใกล้กับลำคอ ผู้เสียหายยกมือขึ้นกันเอาไว้มีบาดแผลที่ไหล่ซ้าย ผู้เสียหายเรียกให้คนช่วยว่าทำไมไม่จับจำเลย นายบุญเลี่ยมน้องภรรยาผู้เสียหายมาช่วยให้แยกออกจากกันผลักจำเลยพร้อมกับพูดว่า พอ ๆ จำเลยพูดว่า ปล่อย ๆ จะซ้ำให้ตายศาลฎีกาได้ใคร่ครวญข้อเท็จจริงตามที่ได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายดังกล่าวโดยถี่ถ้วนแล้ว เห็นว่า แม้ในตอนแรกจำเลยมีเจตนาเพียงแต่จะทำร้ายผู้เสียหายโดยการเตะ เพราะโกรธที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นน้องเขยพูดจาโต้เถียง แต่เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมให้เตะซ้ำต่อไปโดยการลุกขึ้นจับขาจำเลยเป็นเหตุให้จำเลยล้มลง จำเลยคงอับอายผู้อื่นและอาจเข้าใจว่าผู้เสียหายคิดจะสู้จึงยึดผู้เสียหายให้ล้มลงไปด้วยและใช้ขวดสุราตีที่ใบหูผู้เสียหายโดยแรงจนกระทั่งขวดแตก ซึ่งเมื่อขวดสุราแตกแล้วก็จะมีลักษณะเป็นแก้วแหลมคมที่เรียกว่าปากฉลามใช้เป็นอาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ตรงกับรายงานชันสูตรบาดแผลที่นายแพทย์วิทยา เพชรคำชัย เบิกความรับรองตามเอกสารหมาย จ.1 ว่าลำคอซีกซ้ายของผู้เสียหายเป็นแผลปากฉลาม จำเลยใช้ขวดแตกที่เรียกว่าปากฉลามแทงผู้เสียหายที่ลำคออันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกายที่อาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้โดยง่าย เท่านั้นยังไม่พอจำเลยยังใช้ขวานผ่าฟืนซึ่งปรากฎตามบัญชีของกลางเอกสารหมาย จ.3 ที่ร้อยตำรวจโทนิพนธ์ชมบริสุทธิ์ พนักงานสอบสวนเบิกความรับรองว่า หน้าขวานกว้างประมาณ3 นิ้วครึ่ง ตัวขวานยาวประมาณ 5 นิ้วครึ่ง และด้ามขวานยาวประมาณ28 นิ้วครึ่ง นับได้ว่าเป็นอาวุธประเภทของมีคมขนาดใหญ่ที่สามารถใช้ฟันทำร้ายร่างกายผู้อื่นถึงแก่ความตายได้เช่นเดียวกัน จำเลยใช้ขวานดังกล่าวฟันผู้เสียหายที่บริเวณไหล่ใกล้ลำคอผู้เสียหาย ซึ่งถ้าผู้เสียหายไม่ยกมือขึ้นกันเอาไว้ คมขวานก็อาจจะไปถูกลำคอผู้เสียหายได้ นอกจากนั้นเมื่อมีผู้เข้าไปห้ามปราบขัดขวางโดยให้แยกออกจากกันและบอกให้พอแล้ว จำเลยกลับบอกผู้ห้ามปรามขัดขวางให้ปล่อยจำเลย จำเลยจะซ้ำผู้เสียหายให้ตาย ปรากฎตามรายงานชันสูตรบาดแผลว่าผู้เสียหายมีบาดแผลที่ใบหูซ้ายเป็นแผลฉีกขาด กว้างยาวประมาณ1/4 x 2 เซนติเมตร และลำคอซีกซ้ายเป็นแผลปากฉลาม กว้างยาวประมาณ4 x 4 เซนติเมตร นางบุญช่วย ทิพย์ธรรม เบิกความว่าพยานดูบาดแผลของผู้เสียหายซึ่งมีผ้าขาวม้าปิดโลหิตเอาไว้ พอดึงผ้าขาวม้าออกโลหิตก็พุ่งไม่ขาดสาย พยานพูดกับผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายโต้ตอบไม่ได้ มีแต่เสียงฮือ ๆ และนายแพทย์วิทยาเบิกความว่าจากบาดแผลของผู้เสียหายนั้นหากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีแล้วผู้เสียหายอาจเสียโลหิตมากและเสียชีวิตได้ ซึ่งตามรายงานชันสูตรบาดแผลประกอบกับคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองปากดังกล่าวแสดงว่า จำเลยตีแทงและฟันผู้เสียหายโดยแรง พฤติการณ์ของจำเลยดังได้วินิจฉัยมาแล้วนี้เป็นการบ่งชี้ชัดว่าจำเลยเจตนาจะกระทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายดังที่โจทก์ฎีกา ส่วนฎีกาของโจทก์ในเรื่องขวานของกลางนั้น เมื่อปรากฏว่าเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด และไม่ได้ความว่าเป็นของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดจึงต้องริบ…”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ริบขวานของกลาง.

Share