แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของสุกรต่างจังหวัดเคยให้พ่อตาคุมสุกรมาขายให้โจทก์ที่กรุงเทพ ฯ ในคราวเกิดเหตุก็ให้พ่อตาควบคุมสุกรมากรุงเทพฯ อีก ในใบอินวอย ส่งในนามชื่อยี่ห้อโจทก์เป็นผู้รับ แต่เมื่อถึงกรุงเทพ ฯแล้ว พ่อตากลับเอาสุกรไปขายผู้อื่นเสีย ดังนี้ วินิจฉัยว่ากรรมสิทธิในสุกรยังไม่โอนไปยังโจทก์ ๆ จึงยังไม่ใช่ผู้เสียหาย และยังไม่เป็นกรณีฉ้อโกงตาม ก.ม.ลักษณะอาญา
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง
ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนพยานโจทก์ปากเดียวแล้วงดสืบต่อไป คงได้ความจากพยานว่า นายไอเท้ง เป็นพ่อค้าขายสุกรอยู่จังหวัดศรีษะเกส เคยส่งสุกรบรรทุกตู้รถไฟมาขายให้โจทก์ทางกรุงเทพ ฯ ทั้งยังเคยส่งสุกรขายให้บริษัทสหไชย ซึ่งจำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการด้วยการส่งสุกรทุกคราวนายไอเท้งให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นพ่อตาควบคุมมา ตามธรรมดาแล้วเมื่อนายไอเท้งส่งสุกรมาขายให้กับโจทก์ จะต้องชั่งเสียก่อนแล้ว จึงคิดราคากับตามราคาในท้องตลาด ในคราวที่จะเกิดเหตุกรณีนี้ นายไอเท้งได้ให้จำเลยที่ ๑ คุมสุกรมาพร้อมด้วยใบอินวอย ซึ่งมีชื่อยี่ห้องเซ่งล้งของโจทก์ แต่เมื่อสุกรถึงกรุงเทพ ฯ จำเลยที่ ๑ กลับไม่ขายให้แก่โจทก์ แต่เอาไปขายให้จำเลยที่ ๒ เสีย จำเลยทั้งสองได้บอกแก่เจ้าพนักงานรถไฟว่า ห้างโจทก์ไม่ต้องการ ความจริงในวันที่สุกรมาถึงนั้น คนของโจทก์ได้นับเงินหนึ่งหมื่นบาทไปมอบให้ยี่ห้อแปะกิมจังเป็นเงินมัดจำชำระหนี้บางส่วนไว้แล้ว
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่ากรรมสิทธิในสุกรยังไม่ตกเป็นของโจทก์ ทั้งจำเลยมิได้หลอกลวงโจทก์ประการใด หากจะเกิดการเสียหาย ผู้เสียหายก็คือกรมรถไฟหรือนายไอเท้ง จึงพิพากษาต้องกันให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การส่งสุกรมากรุงเทพ ฯ นายไอเท้งมิได้บอกมายังโจทก์ก่อนแต่อย่างใด ทางฝ่ายโจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะต้องยอมรับซื้อเสมอไป ทั้งการซื้อขายสุกรตามที่เคยปฏิบัติกันก็จะต้องมีการชั่งเสียก่อน กรรมสิทธิในสุกรยังไม่โอนมายังโจทก์ โจทก์จึงยังมิใช่ผู้เสียหายตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๒๘(๒)
จึงคงพิพากษายืน