คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทมาและได้ทำถนนดินลูกรังในที่ดินดังกล่าวใช้มาเกิน 10 ปีแล้ว ถนนดินลูกรังจึงตกเป็นทางภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401เมื่อฟ้องแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์อยู่แล้ว แม้โจทก์จะมีคำขอท้ายฟ้องและศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นในเรื่องทางภารจำยอมไว้ก็ตาม ก็เป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น การนำสืบของโจทก์ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทตาม ส.ค.1เลขที่ 9 ตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เป็นของโจทก์ และถนนดินลูกรังในที่ดินดังกล่าวเป็นทางภาระจำยอมหรือทางสาธารณะห้ามจำเลยที่ 1 เกี่ยวข้อง
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การและจำเลยที่ 1 สำนวนแรกฟ้องแย้งว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่3036 ตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เนื้อที่20 ไร่ 74 ตารางวา ซึ่งส่วนหนึ่งได้แยกออกเป็นโฉนดเลขที่ 12597เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 29 ตารางวา ที่ดินตามฟ้องโจทก์ ส.ค.1เลขที่ 9 เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา เป็นที่ดินของจำเลยที่ 1 ตามโฉนดเลขที่ 12597 และโจทก์ใช้สิทธิขอคุ้มครองชั่วคราวทำให้จำเลยที่ 1 ไม่สามารถใช้สิทธิในที่ดินของจำเลยที่ 1 ได้ขอให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายจำนวน 100,000 บาท แก่จำเลยที่ 1
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตจึงไม่ต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามที่โจทก์นำชี้ในแผนที่พิพาท ถนนดินลูกรังที่โจทก์สร้างขึ้นในที่ดินดังกล่าวเป็นทางภารจำยอมห้ามจำเลยที่ 1 และบริวารขัดขวางการใช้ถนนของโจทก์ ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 65,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ คำขออื่นของโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ให้ยก
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ทั้งสองสำนวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวนนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ฟ้องโจทก์บรรยายว่า โจทก์ซื้อที่พิพาทมาจากเจ้าของเดิม และได้ทำถนนดินลูกรังในที่ดินดังกล่าวใช้มาเกิน 10 ปีแล้ว ถนนดินลูกรังจึงตกเป็นทางภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 เมื่อฟ้องแสดงอยู่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แม้โจทก์จะมีคำขอท้ายฟ้องและศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นในเรื่องทางภารจำยอมไว้ก็ตาม ก็เป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น ศาลฎีกาจึงไม่อาจวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวได้ ส่วนข้อเท็จจริงในคดีฟังได้ว่าที่ดินพิพาทของโจทก์คือที่ดินบางส่วนของที่ดินโฉนดเลขที่ 3036 ของจำเลยที่ 1 โจทก์จึงไม่อาจอ้างสิทธิในที่ดินพิพาทขึ้นต่อสู้กับจำเลยที่ 1 ได้ ฎีกาของโจทก์ทั้งสองสำนวนฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share