คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5617/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องระบุในคำร้องว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีวัตถุประสงค์ในการให้เช่ารถยนต์ ค่าเสียหายที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดไว้ย่อมไม่มีเกิดขึ้น จึงมีประเด็นเรื่องค่าเสียหายที่ต้องวินิจฉัย ราคารถยนต์ที่ต้องชดใช้หากไม่ส่งมอบรถคืนนั้นถือเป็นค่าเสียหายอย่างหนึ่งรวมอยู่ในประเด็นเรื่องค่าเสียหาย เมื่อฟังว่าผู้ร้องเป็นผู้เช่าซื้อและมีการผิดสัญญาเช่าซื้อจนสัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้วผู้ร้องมิได้ส่งมอบรถคืนให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ย่อมได้รับความเสียหาย แม้จำเลยที่ 1 จะนำรถออกให้เช่าได้หรือไม่ก็ตามค่าเสียหายสูงเกินส่วนศาลกำหนดให้ใหม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1เด็ดขาดเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือยืนยันหนี้ให้ผู้ร้องส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อจากจำเลยที่ 1คืน และให้ชำระค่าเสียหายเดือนละ 4,350 บาท หากไม่สามารถคืนรถได้ให้ใช้ราคา 130,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องไม่ได้เช่าซื้อรถยนต์ดังกล่าวไปจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ไม่มีวัตถุประสงค์ในการให้เช่ารถยนต์ความเสียหายจึงไม่มี ขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านว่า ผู้ร้องเช่าซื้อรถยนต์จากจำเลยที่ 1 ราคา 130,500 บาท ชำระค่าเช่าซื้อเพียง 8 งวด แล้วผิดนัดติดต่อกัน 2 งวด สัญญาเช่าซื้อสิ้นสุด ผู้ร้องจึงต้องส่งคืนรถที่เช่าซื้อพร้อมชำระค่าเสียหายเดือนละ 4,350 บาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ผู้ร้องระบุในคำร้องว่าจำเลยที่ 1ไม่มีวัตถุประสงค์ในการให้เช่ารถยนต์ ค่าเสียหายที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดไว้ย่อมไม่มีเกิดขึ้น จึงมีประเด็นเรื่องค่าเสียหายที่ต้องวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้นั้นจึงไม่ชอบ แต่ศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่ ซึ่งเมื่อฟังว่าผู้ร้องเป็นผู้เช่าซื้อและมีการผิดสัญญาเช่าซื้อ จนสัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้ว ผู้ร้องมิได้ส่งมอบรถคืนให้จำเลยที่ 1 เช่นนี้ จำเลยที่ 1 ย่อมได้รับความเสียหายแม้จำเลยที่ 1 จะนำรถออกให้เช่าได้หรือไม่ก็ตาม แต่การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยืนยันให้ผู้ร้องชำระค่าเสียหายในกรณีนี้เดือนละ 4,350 บาท เท่ากับค่าเช่าซื้อที่ต้องชำระแต่ละเดือนนั้นศาลฎีกาเห็นว่าสูงเกินส่วนจึงกำหนดให้ผู้ร้องใช้ค่าเสียหายส่วนนี้เดือนละ 2,000 บาท มีกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 3 ปีนับแต่วันผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อเป็นต้นไป สำหรับราคารถยนต์ที่ผู้ร้องต้องชดใช้หากไม่สามารถส่งมอบรถคืนนั้นถือเป็นค่าเสียหายอย่างหนึ่งรวมอยู่ในประเด็นเรื่องค่าเสียหายที่เห็นควรวินิจฉัยไปทีเดียวซึ่งราคารถที่ต้องชดใช้นี้เห็นว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปรถยนต์ย่อมเสื่อมสภาพเพราะการใช้เป็นธรรมดา ฉะนั้นหากผู้ร้องไม่สามารถคืนรถยนต์ได้กำหนดให้ใช้ราคา 95,700 บาท แทน
พิพากษาแก้เป็นว่า ระหว่างที่ผู้ร้องยังไม่ได้ส่งมอบรถยนต์คันพิพาทคืน ให้ผู้ร้องใช้ค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท มีกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันผิดนัดชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 9เป็นต้นไป กับให้ส่งมอบรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 1 ค-0413 คืนในสภาพเรียบร้อยแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หากไม่สามารถคืนรถยนต์ได้ให้ใช้ราคา 95,700 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้องคดีนี้จนกว่าจะชำระเสร็จ

Share