คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5388/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นผู้ประมูลสู้ราคาสูงสุดในการขายทอดตลาด และทำสัญญาซื้อขายไว้ จึงต้องปฏิบัติตามสัญญาคือชำระเงินส่วนที่เหลือใน15 วัน นับแต่วันทำสัญญาต่อมาผู้ร้องได้ยื่นคำแถลงขอเลื่อนการวางเงินที่เหลือออกไปอีก การที่ศาลอนุญาตให้เลื่อนการวางเงินไปได้เพียง 7 วัน เป็นการขยายเวลาชำระหนี้ตามสัญญาให้แก่ผู้ร้องซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะกระทำได้ เพราะการขายทอดตลาดกระทำไปโดยคำสั่งของศาล จึงมิใช่เป็นเรื่องที่ไม่ยึดถือระยะเวลาเป็นสำคัญซึ่งนอกจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาดังกล่าวแล้วยังมีคำสั่งต่อไปอีกว่าหากไม่ชำระให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับไปตามสัญญาซื้อขายที่ผู้ร้องได้ทำไว้ ดังนั้นเมื่อผู้ร้องไม่ชำระเงินภายในกำหนดระยะเวลาที่ได้ขยายให้ไว้ผู้ร้องก็ได้ชื่อว่าผิดนัด หมดสิทธิที่จะซื้อทรัพย์พิพาท และเจ้าพนักงานบังคับคดีก็จะต้องริบเงินที่ผู้ร้องได้วางไว้โดยศาลชั้นต้นหาต้องมีคำสั่งว่าผู้ร้องผิดสัญญา และมีคำสั่งให้ริบเงินที่ผู้ร้องได้ชำระไว้แต่อย่างใด

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมและโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยผ่อนชำระให้โจทก์ ต่อมาจำเลยไม่ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์จึงบังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมบ้านของจำเลยออกขายทอดตลาด และนางสาวสุภัทรา เพ็ชรนารถ ผู้ร้องเป็นผู้ประมูลสู้ราคาสูงสุดได้เป็นเงิน 240,000 บาท และทำหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2531 โดยวางเงินร้อยละ 25จำนวน 60,000 บาท ในวันทำสัญญา และตกลงจะชำระเงินส่วนที่เหลือภายใน 15 วันนับแต่วันทำสัญญา ครั้นครบกำหนดในวันที่ 2 กุมภาพันธ์2531 ผู้ร้องขอเลื่อนการวางเงินส่วนที่เหลือออกไปอีกถึงวันที่ 25กุมภาพันธ์ 2531 ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนชำระราคาไปได้ 7 วันหากไม่ชำระให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับไปตามสัญญาซื้อขายที่ทำไว้ ผู้ร้องทราบคำสั่งในวันนั้น
ต่อมาเมื่อครบกำหนด 7 วัน ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2531ผู้ร้องยื่นคำแถลงขอวางเงิน 20,000 บาท และขอนำเงินส่วนที่เหลือมาวางศาลในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2531 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่อนุญาต หากไม่ชำระให้ครบตามที่อนุญาตให้เลื่อนไป ก็ให้บังคับตามสัญญาที่ทำไว้ ในวันเดียวกันนี้ผู้ร้องยื่นคำแถลงอีกว่าผู้ร้องขอวางเงินส่วนที่เหลือใน 3 วัน นับแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์2531 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ยังไม่มีเหตุที่จะอนุญาตหลังจากนั้นในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2531 ผู้ร้องยื่นคำแถลงขอนำเงินส่วนที่เหลือจำนวน 180,000 บาท มาวางศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าเกินกำหนดแล้วไม่อนุญาต
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขอให้อนุญาตให้ผู้ร้องวางเงินจนครบถ้วนตามสัญญาซื้อขายที่ผู้ร้องเป็นผู้ประมูลซื้อทรัพย์ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินและบ้านของจำเลยเมื่อวันที่ 18มกราคม 2531 โดยผู้ร้องเป็นผู้ประมูลสู้ราคาสูงสุดได้เป็นเงิน240,000 บาท และทำสัญญาซื้อขายฉบับลงวันที่ 18 มกราคม 2531กันไว้ ผู้ร้องได้ชำระเงินร้อยละ 25 จำนวน 60,000 บาทในวันทำสัญญา ส่วนที่เหลือจำนวน 180,000 บาท จะชำระภายใน 15 วันนับแต่วันทำสัญญา หากผิดนัดไม่ชำระเงินที่เหลือภายในกำหนดผู้ร้องเป็นอันหมดสิทธิซื้อที่ดินแปลงนี้และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีริบเงินที่ได้วางไว้แล้ว ครั้นครบกำหนดวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2531ผู้ร้องยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นขอเลื่อนการวางเงินที่เหลือออกไปถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2531 ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนการวางเงินไปเพียง 7 วัน ซึ่งเมื่อครบกำหนดในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2531ผู้ร้องยื่นคำแถลงอีก 2 ฉบับ ฉบับแรกขอวางเงิน 20,000 บาท และขอเลื่อนการวางเงินที่เหลือ 160,000 บาท ออกไปถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์2531 ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต จึงยื่นฉบับที่ 2 ขอเลื่อนการวางเงินส่วนที่เหลือจำนวน 180,000 บาท ออกไปอีก 3 วัน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต ผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำแถลงขอวางเงินส่วนที่เหลือในวันที่12 กุมภาพันธ์ 2531 ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าเกินกำหนดแล้วไม่อนุญาตดังนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 308 วรรคแรกบัญญัติว่า เมื่อศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ขายแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีอาจขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดได้ การขายนั้นให้ดำเนินตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎกระทรวงว่าด้วยการนั้น และตามข้อกำหนดของศาลซึ่งระบุไว้ในคำสั่งอนุญาตให้ขายทรัพย์สินนั้นถ้าหากที่ซึ่งการขายทอดตลาดรายพิพาทนั้นก็ได้ดำเนินไปถูกต้องตามบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว ผู้ร้องในฐานะผู้ซื้อก็ได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าวไว้ตามสัญญาฉบับลงวันที่ 18 มกราคม 2531 ดังนั้นผู้ร้องจึงต้องผูกพันปฏิบัติตามสัญญา เมื่อปรากฏตามสัญญาดังกล่าวว่าผู้ร้องจะชำระเงินส่วนที่เหลือจำนวน 180,000 บาท ภายใน 15 วันนับแต่วันทำสัญญาครบกำหนดในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2531 ผู้ร้องได้ยื่นคำแถลงขอเลื่อนการวางเงินที่เหลือจำนวน 180,000 บาท ออกไปจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2531 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนการวางเงินไปได้เพียง 7 วันเช่นนี้ เป็นการขยายเวลาชำระหนี้ตามสัญญาให้แก่ผู้ร้องซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะกระทำได้ เพราะการขายทอดตลาดกระทำไปโดยคำสั่งของศาล ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายเวลาชำระเงินส่วนที่เหลือของผู้ร้องออกไปนั้นจึงมิใช่เป็นเรื่องที่ไม่ยึดถือระยะเวลาเป็นสำคัญดังผู้ร้องฎีกาซึ่งนอกจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาดังกล่าวแล้วยังมีคำสั่งต่อไปอีกว่า หากไม่ชำระให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับไปตามสัญญาซื้อขายที่ผู้ร้องได้ทำไว้ ดังนั้นเมื่อผู้ร้องไม่ชำระเงินภายในกำหนดระยะเวลาที่ได้ขยายให้ไว้ผู้ร้องก็ได้ชื่อว่าผิดนัด หมดสิทธิที่จะซื้อที่พิพาทแปลงที่ขายทอดตลาด และเจ้าพนักงานบังคับคดีก็จะต้องริบเงินที่ผู้ร้องได้วางไว้ ศาลชั้นต้นหาต้องมีคำสั่งว่า ผู้ร้องผิดสัญญาและมีคำสั่งให้ริบเงินที่ผู้ร้องได้ชำระไว้แต่อย่างใด ส่วนเหตุที่ผู้ร้องไม่สามารถนำเงินมาชำระได้ทันเพราะติดเทศกาลตรุษจีนก็ดี มีความประสงค์จะซื้อจริงไม่ใช่ประวิงเวลาก็ดี ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะขยายระยะเวลาให้แก่ผู้ร้องได้อีก
พิพากษายืน

Share