แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 ให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องการที่โจทก์ขอถอนฟ้องเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย หากโจทก์นำคดีมาฟ้องใหม่ จำเลยก็มีสิทธิที่จะต่อสู้คดีได้เต็มที่ฝ่ายใดจะแพ้ชนะคดีย่อมแล้วแต่พยานหลักฐานและรูปคดีทั้งปรากฏจากคำร้องขอถอนฟ้องว่าหนี้จำนองยังไม่ถึงกำหนดฟ้องร้องได้ โจทก์จึงขอถอนฟ้อง เมื่อพิจารณาตามพฤติการณ์และเหตุผลในคดีแล้ว ถือไม่ได้ว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่สุจริตเป็นการเอาเปรียบเชิงคดี ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องจึงชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้และบังคับจำนอง จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องบังคับจำนองเพราะหนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ขอให้ยกฟ้องในวันนัดชี้สองสถาน โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยยื่นคำร้องคัดค้านศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ จำเลยอุทธรณ์ว่าไม่ควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 บัญญัติได้ความว่า ภายหลังจำเลยยื่นคำให้การแล้วโจทก์อาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น เพื่ออนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องได้ ศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาต หรืออนุญาตในเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรก็ได้ แต่ห้ามไม่ให้ศาลอนุญาต โดยมิได้ฟังจำเลยหรือผู้ร้องสอดถ้าหากมีก่อน แสดงว่าการที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ถอนคำฟ้องเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ยื่นคำขอถอนคำฟ้องเนื่องจากโจทก์เห็นว่าโจทก์ตกเป็นผู้เสียเปรียบในเชิงคดี จึงขอถอนคำฟ้องเพื่อปรับปรุงคำฟ้องของตนเสียใหม่ โดยอาศัยข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่จำเลยให้การไว้ และจะนำมาฟ้องใหม่ อันจะทำให้จำเลยต้องเสียเปรียบในการต่อสู้และไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการที่โจทก์ขอถอนคำฟ้องเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย หากโจทก์นำคดีมาฟ้องใหม่ จำเลยก็มีสิทธิที่จะต่อสู้คดีได้เต็มที่ฝ่ายใดจะแพ้หรือชนะคดีย่อมแล้วแต่พยานหลักฐานและรูปคดี ทั้งปรากฏจากคำร้องขอถอนฟ้องว่าหนี้จำนองยังไม่ถึงกำหนดฟ้องร้องได้โจทก์จึงขอถอนคำฟ้อง พิจารณาตามพฤติการณ์และเหตุผลในคดีแล้วถือไม่ได้ว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่สุจริตเป็นการเอาเปรียบเชิงคดี ศาลล่างทั้งสองอนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ”