แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 ต่างมารวมกันเพื่อเสพยาเสพติดให้โทษ โดยเมทแอมเฟตามีนที่ตรวจพบอยู่ในสภาพกระจัดกระจายทั้งบนโต๊ะและบนพื้น มิได้อยู่ในสภาพนำมากองรวมกัน แสดงว่ามีการแบ่งเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายแต่ละคนเข้าครอบครองก่อนแล้ว แต่เมทแอมเฟตามีนที่อยู่ในสภาพกระจัดกระจายดังกล่าวไม่อาจรับฟังให้เป็นผลร้ายว่าจำเลยทั้งหมดมีเจตนาร่วมกันครอบครองทั้งจำนวนตามที่โจทก์ฟ้อง คงฟังได้แต่เพียงว่าเฉพาะจำเลยที่ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเฉพาะในส่วนของแต่ละคนที่มีไว้เพื่อเสพเท่านั้น
การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้โทษของจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนจากรอการลงโทษเป็นไม่รอการลงโทษและไม่ปรับจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 โดยโจทก์มิได้อุทธรณ์เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยดังกล่าว ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 จะมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 และปัญหาดังกล่าวเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 5 ที่ 6 และที่ 9 ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 67, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 83, 91 ริบของกลาง และนำโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ศาลรอการลงโทษไว้รวมเข้ากับโทษคดีนี้
จำเลยที่ 1 และที่ 4 ถึงที่ 9 ให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน โดยจำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 10 ถึงที่ 12 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 4 ถึงที่ 9 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 สำหรับจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกสามเดือนภายในระยะเวลา 1 ปี กับให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 เห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ห้ามจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกประเภท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 สำหรับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดเกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีนมาแล้วหลายครั้ง ศาลเคยให้โอกาสจำเลยที่ 1 กลับตัวเป็นพลเมืองดีแล้วแต่จำเลยที่ 1 กลับยุ่งเกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีนอีก จึงให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน บวกโทษจำคุกที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีหมายเลขแดงที่ 7427/2544 และคดีหมายเลขแดงที่ 1169/2546 ของศาลชั้นต้น คดีละ 6 เดือน เข้ากับโทษจำคุกคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 18 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนและอุปกรณ์สำหรับเสพเมทแอมเฟตามีนของกลาง เงินสดของกลางคืนแก่เจ้าของ ส่วนจำเลยอื่นและข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 4 ถึงที่ 9 มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 อีกฐานหนึ่ง จำคุกคนละ 1 ปี เมื่อรวมกับความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนแล้ว รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี 18 เดือน (ที่ถูก เมื่อบวกโทษจำคุกคดีละ 6 เดือน รวมสองคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วเป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี 18 เดือน) จำคุกจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 คนละ 1 ปี 6 เดือน ไม่ลงโทษปรับ และไม่รอการลงโทษกับไม่คุมความประพฤติ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสิบสองกับพวกอีก 10 คน ซึ่งเป็นเยาวชนที่ห้องเลขที่ 555 โรงแรมฮาร์ทอินน์ ตั้งอยู่ที่ถนนศรีนครินทร์หมู่ที่ 5 ตำบลบางเมือง อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมกับยึดได้เมทแอมเฟตามีน 53 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 1.67 กรัม กับขวดซึ่งดัดแปลงเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้เสพเมทแอมเฟตามีน 2 ชุด เงินสด 73,080 บาท เป็นของกลาง สำหรับความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน โจทก์และจำเลยทั้งสิบสองไม่อุทธรณ์ คดีสำหรับความผิดฐานนี้เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 9 มิได้ฎีกา ความผิดฐานดังกล่าวจึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 ว่า จำเลยที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 หรือไม่ เห็นว่า ร้อยตำรวจเอกชาญวุธ กับสิบตำรวจเอกมานะ ผู้จับกุม ซึ่งเป็นประจักษ์พยานฝ่ายโจทก์ที่เข้าตรวจค้นห้องเกิดเหตุเบิกความยืนยันว่า พยานได้เฝ้าสังเกตเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยพยานเห็นกลุ่มวัยรุ่นเข้าออกห้องเกิดเหตุเป็นจำนวนมาก เมื่อให้พนักงานของโรงแรมเคาะเรียกและเปิดประตูเข้าไป เห็นกลุ่มวัยรุ่นส่วนหนึ่งนั่งล้อมวงอยู่บริเวณห้องโถง และอีกส่วนหนึ่งอยู่ในห้องนอนทั้ง 2 ห้อง จึงเรียกให้มารวมกันที่บริเวณห้องโถง เมื่อเปิดไฟในห้องจึงพบเมทแอมเฟตามีนของกลางในสภาพกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะและบนพื้น นอกจากนี้ยังพบขวดซึ่งมีลักษณะถูกดัดแปลงสำหรับใช้เป็นอุปกรณ์เสพเมทแอมเฟตามีน 2 ขวด และเงินสดอีก 73,080 บาท วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ กัน พยานโจทก์ทั้งสองปากดังกล่าวเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการไปตามหน้าที่ไม่มีเหตุว่าจะแกล้งเบิกความปรักปรำให้จำเลยที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 ต้องรับโทษ โดยผลการตรวจปัสสาวะของจำเลยที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 ก็พบสารเสพติด พฤติการณ์แห่งคดีฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 ต่างมารวมกันเพื่อเสพยาเสพติดให้โทษจริง โดยเมทแอมเฟตามีนที่ตรวจพบอยู่ในสภาพกระจัดกระจายทั้งบนโต๊ะและบนพื้น มิได้อยู่ในสภาพนำมากองรวมกันแสดงว่ามีการแบ่งเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายแต่ละคนเข้าครอบครองก่อนแล้ว แต่เมทแอมเฟตามีนที่อยู่ในสภาพกระจัดกระจายดังกล่าวไม่อาจรับฟังให้เป็นผลร้ายว่าจำเลยทั้งหมดมีเจตนาร่วมกันครอบครองทั้งจำนวนตามที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษเฉพาะจำเลยที่ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเฉพาะในส่วนที่ตนเองมีไว้เพื่อเสพเท่านั้นจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง สำหรับความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 4 ถึงที่ 9 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกสำหรับจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ให้รอการลงโทษ 2 ปี และคุมความประพฤติของจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ไว้ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสิบสองฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบสองเฉพาะความผิดที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องดังกล่าว โดยโจทก์และจำเลยทั้งสิบสองมิได้อุทธรณ์ในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนจึงต้องถือว่าโจทก์พอใจคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 4 ถึงที่ 9 ในความผิดฐานดังกล่าวแล้ว ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้โทษของจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนเป็นไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 จึงไม่ชอบ เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยดังกล่าว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 จะมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 และปัญหาดังกล่าวเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 5 ที่ 6 และที่ 9 ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตคนละ 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษ ส่วนความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนให้บังคับคดีลงโทษจำเลยที่ 4 ถึงที่ 9 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่ไม่คุมความประพฤติ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1