คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทในศาลชั้นต้นไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มาตรา 6 ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานโจทก์คือ น.กับ ส.และร้อยตำรวจโทส. พนักงานสอบสวน ไม่ได้เบิกความว่า จำเลยที่ 4 ได้ทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ทั้งในเอกสารบันทึกประจำวันก็ไม่ปรากฏข้อความดังกล่าวเช่นเดียวกัน เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าพยานโจทก์ที่นำสืบรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 4ได้ทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 โจทก์ฎีกาว่า คำเบิกความของร้อยตำรวจโท ส.มีความหมายอยู่ในตัวว่าในขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 4 เป็นลูกจ้างได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นฎีกาดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

Share