แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนอันจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแทนในนามจำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัย กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ เมื่อศาลฎีกากำหนดค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยที่ 2 รับผิดน้อยลง แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกาก็ตาม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 245(1),247 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาเห็นสมควรก็ให้จำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์เพียงเท่าที่จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์ จำเลยที่ 2 ได้รับประกันรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ไว้ว่าจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของจำเลยที่ 1 เมื่อวินาศภัยเกิดขึ้นแก่อีกบุคคลหนึ่งซึ่งจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชอบ จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์ดังกล่าวด้วยความประมาทชนรถยนต์โดยสารของโจทก์เสียหาย รวมเป็นเงิน113,803 บาท จำเลยไม่ชำระค่าเสียหายให้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้ขับรถโดยประมาทเหตุเกิดเพราะความประมาทของคนขับรถยนต์โดยสาร หรือประมาทร่วมกัน ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิด ค่าเสียหายสูงเกินควรขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ 1 ประมาทฝ่ายเดียว โจทก์เสียหายเพียง35,500 บาท ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ 35,500 บาทพร้อมดอกเบี้ย ส่วนฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ให้ยกเสีย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์เสียหายเป็นเงิน 50,000 บาท เงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยที่ยกเว้นให้จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดนั้น ได้มีการสลักหลังไว้เป็นพิเศษยกเลิกเงื่อนไขนั้นแล้ว จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิด พิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าสินไหมทดแทน 50,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เสียหาย 43,000 บาท เงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยที่ยกเว้นให้จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดได้มีการสลักหลังไว้เป็นพิเศษยกเลิกเงื่อนไขนั้นแล้ว จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามจำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัย และกรณีเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ เมื่อศาลฎีกากำหนดค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยที่ 2 รับผิดน้อยลง แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกาอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 245(1),247 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดให้จำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์เพียง 43,000 บาท เช่นเดียวกับจำเลยที่ 2
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทน 43,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย