คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เครื่องหมายการค้าของโจทก์เครื่องหมายหนึ่งคือ “CK” อ่านว่า “ซีเค” ส่วนอีกเครื่องหมายหนึ่งคือ “CK Calvin Klein” โดยคำว่า “CK” กับ “Calvin Klein” วางทับซ้อนกันรวมเป็นอักษร 13 ตัว อ่านแยกกันเป็น “ซีเค” และ “คาลวินไคลน์” ส่วนเครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นอักษรโรมัน คือ ในส่วนคำสำคัญคือคำว่า “CCKK” นั้น มีลักษณะเป็นอักษรประดิษฐ์ โดยอักษรตัวแรกคือ ตัว C และ อักษรตัวที่ 3 คือตัว K มีขนาดเท่ากัน อักษรตัวที่สองคือตัว C และอักษรตัวสุดท้ายคือตัว K มีขนาดใหญ่กว่า รวมเป็นตัวอักษร 4 ตัววางเรียงกัน แม้ตัวอักษรตัวที่ 2 คือตัว C และอักษรตัวที่ 4 คือ ตัว K จะมีขนาดใหญ่กว่าอักษรอีก 2 ตัว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าระหว่างตัว C และ K ที่ขนาดใหญ่ขึ้นนั้นมีอักษรตัว K อีกตัวหนึ่งคั่นอยู่ จึงอ่านได้ว่า “ซี ซี เค เค” มิใช่ “ซีเค” อย่างของโจทก์แต่อย่างใด จึงเห็นได้ว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยกับของโจทก์ดังกล่าวมีรูปลักษณะตัวอักษร การวางตัวอักษร จำนวนตัวอักษร และเสียงเรียกขานที่แตกต่างกันจนสังเกตได้ชัดเจน ถือไม่ได้ว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ขอจดทะเบียนมีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ถึงขนาดนับได้ว่าทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดในความเป็นเจ้าของและแหล่งกำเนิดของสินค้าได้ และไม่ปรากฏว่าเป็นเครื่องหมายการค้าที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือรัฐประศาสโนบายแต่อย่างใด จึงไม่ใช่เครื่องหมายการค้าที่ต้องห้ามรับจดทะเบียน ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 8(10) และ (11) การที่จำเลยขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวจึงไม่เป็นการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ห้ามจำเลยใช้หรือขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้พิพากษาว่า เครื่องหมายการค้าที่จำเลยยื่นขอจดทะเบียนตามคำขอเลขที่ 250784 มีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์คำว่า “CK Calvin Klein” และคำว่า “CK” ซึ่งมีรูปเครื่องหมายดังกล่าวข้างต้น จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดในความเป็นเจ้าของหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า และโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดังกล่าวทั้งหมดดีกว่าจำเลย เครื่องหมายการค้าของจำเลยตามคำขอเลขที่ 250784 ไม่มีลักษณะอันพึงรับจดทะเบียนได้ ให้จำเลยถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำขอเลขที่ 250784 หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ห้ามจำเลยใช้ ยื่นคำขอจดทะเบียนหรือเกี่ยวข้องในทางใด ๆ กับเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 250784 และเครื่องหมายการค้าอื่นใดที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์อีกต่อไป
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า เครื่องหมายการค้าทั้งของจำเลยกับของโจทก์เป็นประเภทคำ เครื่องหมายการค้าของโจทก์ เครื่องหมายหนึ่งคือ “CK” เป็นอักษรโรมันตัวพิมพ์ใหญ่ 2 ตัว ติดกันอ่านว่า “ซีเค” ส่วนอีกเครื่องหมายหนึ่งคือ “CK Calvin Klein” ก็เป็นอักษรโรมันตัวพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก โดยนำคำ “CK” กับ “Calvin Klein” วางทับซ้อนกัน รวมเป็นตัวอักษรทั้งหมด 13 ตัว อ่านแยกกันเป็น “ซีเค” และ “คาลวิน ไคลน์” ส่วนเครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นอักษรโรมัน คำว่า “CCKK” มีคำว่า “JEANS” ต่อท้าย แต่จำเลยได้สละไม่ขอถือสิทธิคำว่า “JEANS” แต่ผู้เดียวแล้ว ในส่วนคำสำคัญคือคำว่า “CCKK” นั้น มีลักษณะเป็นอักษรประดิษฐ์ โดยอักษรตัวแรกคือ ตัว C และอักษรตัวที่ 3 คือ ตัว K มีขนาดเท่ากัน อักษรตัวที่สองคือตัว C และอักษรตัวสุดท้ายคือ ตัว K มีขนาดใหญ่กว่า รวมเป็นตัวอักษร 4 ตัว วางเรียงกัน แม้อักษรตัวที่ 2 คือ ตัว C และอักษรตัวที่ 4 คือ ตัว K จะมีขนาดใหญ่กว่าอักษรอีก 2 ตัว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าระหว่าง ตัว C และ K ที่ขนาดใหญ่ขึ้นนั้นมีอักษรตัว K อีกตัวหนึ่งคั่นอยู่ จึงอ่านได้ว่า “ซี ซี เค เค” มิใช่ “ซี เค” อย่างของโจทก์แต่อย่างใด จึงเห็นได้ว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยกับของโจทก์ดังกล่าวมีรูปลักษณะตัวอักษร การวางตัวอักษร จำนวนตัวอักษรและเสียงเรียกขานที่แตกต่างกันจนสังเกตได้ชัดเจน ถือไม่ได้ว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ขอจดทะเบียนมีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ถึงขนาดนับได้ว่าทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดในความเป็นเจ้าของและแหล่งกำเนิดของสินค้าได้ และไม่ปรากฏว่าเป็นเครื่องหมายที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือรัฐประศาสโนบายแต่อย่างใด จึงมิใช่เครื่องหมายการค้าที่ต้องห้ามรับจดทะเบียน ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 8 (10) และ (11) ดังที่โจทก์อุทธรณ์ การที่จำเลยขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวจึงไม่เป็นการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ห้ามจำเลยใช้หรือขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามฟ้องได้ และเมื่อวินิจฉัยมาดังนี้แล้วอุทธรณ์ของโจทก์ข้อสุดท้ายในปัญหาเรื่องการลวงขายจึงไม่จำต้องวินิจฉัยอีก เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง และที่โจทก์ขอแถลงการณ์ด้วยวาจานั้น ศาลฎีกาเห็นว่าไม่จำเป็น จึงให้งดเสีย ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 3,000 บาท แทนจำเลย.

Share