แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พยานโจทก์เบิกความประกอบกันรับฟังได้ว่าลูกจ้างของจำเลยจุดไฟเผากองไม้ในที่ดินของจำเลยโดยจำเลยยืนสั่งการกำกับการเผาอยู่อย่างใกล้ชิดถือว่าจำเลยร่วมจุดไฟเผากองไม้ด้วยเมื่อไม่อาจกันไม่ให้ไฟลุกลามไปติดที่ข้างเคียงได้เป็นเหตุให้ไฟลุกลามไหม้ทรัพย์ของโจทก์ร่วมทั้งสี่จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา225
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2533 เวลา กลางวันจำเลย ได้ กระทำ ให้ เกิด เพลิงไหม้ โดยประมาท กล่าว คือ ได้ จุด ไฟ เผากอง ไม้ และ ป่า ที่ แผ้วถาง ใน ที่ดิน ของ จำเลย ใน ขณะที่ มี ลม พัด แรงโดย ไม่ได้ ทำ ทาง กัน ไฟ ไว้ ทำให้ เพลิงไหม้ ลุกลาม เข้า ไป ใน ที่ดิน สวนของ ผู้เสียหาย ทั้ง สี่ เป็นเหตุ ให้ ต้นยาง พา รา 1,900 ต้น ราคา 758,100บาท ของ นาย วศิน สุตันติวณิชย์กุล ผู้เสียหาย ที่ 1 ต้นยาง พา รา720 ต้น ต้น ทุเรียน และ ต้น สะตอ อย่าง ละ 15 ต้น รวม ราคา 291,780 บาทของ นาย เวรัช สมบัติ ผู้เสียหาย ที่ 2 ต้นยาง พา รา 700 ต้น ราคา 279,300 บาท ของ นาย กูล ปริมาตร ผู้เสียหาย ที่ 3ต้นยาง พา รา 500 ต้น ราคา 199,500 บาท ของ นาย ชั้น สุกใส ผู้เสียหาย ที่ 4 ถูก เพลิงไหม้ เสียหาย เหตุ เกิด ที่ ตำบล ป่าตอง อำเภอ กะทู้ จังหวัด ภูเก็ต ขอให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ระหว่าง พิจารณา ผู้เสียหาย ทั้ง สี่ ยื่น คำร้องขอ เข้าร่วม เป็นโจทก์ ศาลชั้นต้น อนุญาต
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา225 จำคุก 2 ปี
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ ปรับ จำเลย 5,000 บาทอีก สถาน หนึ่ง โทษ จำคุก ให้ รอการลงโทษ ไว้ มี กำหนด 3 ปี ไม่ชำระ ค่าปรับจัดการ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไปตาม คำพิพากษา ของ ศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา โดย ผู้พิพากษา ซึ่ง ลงชื่อ ใน คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ภาค 3อนุญาต ให้ ฎีกา ใน ปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ทางพิจารณา โจทก์ และ โจทก์ร่วม ทั้ง สี่ นำสืบว่า ก่อน เกิดเหตุ ประมาณ 1 เดือน จำเลย มา คุม คนงาน ทำงาน ใน สวน ของจำเลย ซึ่ง มี การ เกลี่ยดิน นำ กิ่ง ไม้ แห้ง มาก องกับ ถางทาง กัน ไฟ กว้าง 1ช่วง แขน เมื่อ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2533 เวลา ประมาณ 7 นาฬิกาจำเลย คุม คนงาน 4 ถึง 5 คน จุด ไฟ เผา กอง ไม้ ใน สวน ของ จำเลยซึ่ง ขณะ นั้น มี ลม พัด แรง ไฟ ได้ ลุกลาม จาก สวน ของ จำเลย เข้า ไป ในสวน ของ โจทก์ร่วม ทั้ง สี่ ซึ่ง อยู่ ใกล้เคียง กับ สวน ของ จำเลย เป็นเหตุ ให้ต้นยาง พา รา 1,900 ต้น ของ โจทก์ร่วม ที่ 1 ต้นยาง พา รา 720 ต้นต้น ทุเรียน และ ต้น สะตอ อย่าง ละ 15 ต้น ของ โจทก์ร่วม ที่ 2 ต้นยางพารา 700 ต้น ของ โจทก์ร่วม ที่ 3 และ ต้นยาง พา รา 1,000 ต้นของ โจทก์ร่วม ที่ 4 ถูก ไฟไหม้ เสียหาย
จำเลย นำสืบ ว่า ตาม วัน เวลา เกิดเหตุ จำเลย ไป ควบคุม การ ตัก ดินอยู่ ที่อื่น ไม่ได้ อยู่ บริเวณ ที่เกิดเหตุ ต่อมา เวลา ประมาณ 14 นาฬิกาจำเลย ไป ที่ สวน ของ จำเลย พบ ว่า เกิด เพลิงไหม้ จึง ตาม คน และ ติดต่อรถดับเพลิง ไป ช่วย ดับ ไฟ
พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ซึ่ง คู่ความ ไม่โต้แย้ง กัน ใน ชั้นฎีการับฟัง ได้ ใน เบื้องต้น ว่า ตาม วัน เวลา และ สถานที่เกิดเหตุ ตาม ฟ้องได้ มี ผู้ จุด ไฟ เผา กอง ไม้ ใน ที่ดิน ของ จำเลย ใน ขณะที่ มี ลม พัด แรงไฟ ได้ ลุกลาม เข้า ไป ใน ที่ดิน ของ โจทก์ร่วม ทั้ง สี่ เป็นเหตุ ให้ ต้นยางพารา ของ โจทก์ร่วม ทั้ง สี่ และ ต้น ทุเรียน กับ ต้น สะตอ ของ โจทก์ร่วมที่ 2 ถูก เพลิงไหม้ เสียหาย ปรากฏ สภาพ ตาม บันทึก การ ตรวจ ที่เกิดเหตุคดีอาญา แผนที่ สังเขป แสดง สถานที่เกิดเหตุ เอกสาร และ ภาพถ่าย หมายจ. 1 ถึง จ. 16 และ รายงาน การ ตรวจ สถานที่เกิดเหตุ เพลิงไหม้ เอกสารหมาย ป.จ. 1 คดี มี ปัญหา ตาม ฎีกา ของ จำเลย ว่า จำเลย ได้ กระทำ ความผิดตาม ฟ้อง หรือไม่ โจทก์ มี นาย สุนทร พุ่มศรีชาย เบิกความ ว่า พยาน เป็น ลูกจ้าง ของ โจทก์ร่วม ที่ 1 พัก อาศัย อยู่ ใน สวน ยาง ที่เกิดเหตุของ โจทก์ร่วม ที่ 1 วันเกิดเหตุ เวลา ประมาณ 7 นาฬิกา ขณะที่ พยานกำลัง นอน เล่น อยู่ ที่ กงสี ใน สวน ยาง ของ โจทก์ร่วม ที่ 1 พยาน เห็น ลูกจ้างของ จำเลย 4 ถึง 5 คน จุด ไฟ เผา กอง ไม้ ซึ่ง มี ขนาด กว้าง ประมาณ 3 เมตรสูง ประมาณ 150 เซนติเมตร ใน ที่ดิน ของ จำเลย ซึ่ง อยู่ ติดกับ เขต สวนของ โจทก์ร่วม ที่ 1 โดย มี จำเลย ยืน พูด กับ ลูกจ้าง จำเลย ดังกล่าวใน ระยะ ห่าง ประมาณ 5 เมตร ต่อมา เวลา ประมาณ 9 นาฬิกาไฟ ได้ ลุกลาม เข้า ไป ใน สวน ของ โจทก์ร่วม ที่ 1 พยาน ได้ วิ่ง ไป ตามโจทก์ร่วม ที่ 1 พบ โจทก์ร่วม ที่ 1 ระหว่าง ทาง และ แจ้ง ให้ โจทก์ร่วมที่ 1 ทราบ จาก นั้น พยาน และ โจทก์ร่วม ที่ 1 พา กัน ไป ช่วย ดับ ไฟแต่ ไม่สามารถ ดับ ได้ เนื่องจาก ลม พัด แรง และ โจทก์ร่วม ที่ 1 เบิกความว่า วันเกิดเหตุ เวลา ประมาณ 8 นาฬิกา โจทก์ร่วม ที่ 1 ออกจาก วัด กระทู้ เพื่อ จะ ไป ยัง สวน โจทก์ร่วม ที่ 1 เห็น ควันไฟ จาก ที่ดิน ของ จำเลย โจทก์ร่วม ที่ 1 จึง มุ่ง ไป ยัง สวน ของ โจทก์ร่วม ที่ 1 ระหว่างทาง พบ นาย สุนทร ซึ่ง วิ่ง มา ตาม จึง พา กัน ไป ที่ สวน เมื่อ ไป ถึง ปรากฏว่า ไฟ ได้ ไหม้ สวน ของ โจทก์ร่วม ที่ 1 แล้ว โจทก์ร่วม ที่ 1 และ นาย สุนทร ได้ ช่วย กัน ดับ ไฟ นอกจาก นี้ โจทก์ ยัง มี นาย ชาตรี ลักษณะสุธิพรชัย ซึ่ง อัด จารบีรถแทรกเตอร์ อยู่ ใน ที่ดิน ของ จำเลย ใน เช้า วันเกิดเหตุเบิกความ ยืนยัน ว่า วันเกิดเหตุ เวลา ประมาณ 8 ถึง 9 นาฬิกา จำเลย ได้เข้า ไป ที่เกิดเหตุ จาก พยานโจทก์ ดังกล่าว เมื่อ ประกอบ กัน แล้ว รับฟังได้ว่า ลูกจ้าง ของ จำเลย ได้ ทำการ จุด ไฟ เผา กอง ไม้ ใน ที่ดิน ของ จำเลยโดย จำเลย ยืน สั่งการ กำกับ การ เผา อยู่ อย่าง ใกล้ชิด ถือได้ว่า จำเลยร่วมจุด ไฟ เผา กอง ไม้ ดังกล่าว ด้วย ซึ่ง ขณะ นั้น เป็น ช่วง ต้นยาง พา ราผลัด ใบมี ใบ ไม้ ร่วง หล่นตาม พื้นดิน ใน สวน และ มี ลม พัด แรง ตาม คำเบิกความ ของนาย สุนทร พยานโจทก์ ว่า มี การ ทำ ทาง กัน ไฟ ไว้ กว้าง เพียง 1 ช่วง แขน เท่านั้น ซึ่ง ไม่อาจ กัน ไม่ให้ ไฟลุก ลาม ไป ติด ที่ ข้างเคียง ได้เป็นเหตุ ให้ ไฟลุก ลาม ไหม้ ต้นยาง พา ราของ โจทก์ร่วม ทั้ง สี่ และ ต้น ทุเรียนตลอดจน ต้น สะตอ ของ โจทก์ร่วม ที่ 2 เสียหาย การกระทำ ของ จำเลย จึง เป็น การกระทำ ให้ เกิด เพลิงไหม้ โดยประมาท และ เป็นเหตุ ให้ ทรัพย์ ของ ผู้อื่นเสียหาย อันเป็น ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 ตามที่ โจทก์ ฟ้อง ที่ จำเลย นำสืบ อ้าง ฐาน ที่อยู่ ไม่อาจ รับฟัง หักล้างพยานหลักฐาน ของ โจทก์ และ โจทก์ร่วม ได้ ฎีกา จำเลย ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน