คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1448/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาค้ำประกันมีข้อความว่า “ถ้าปรากฏขึ้นเมื่อใดว่าผู้ได้รับทุนนี้ตกเป็นผู้ผิดสัญญาหรือกระทำการใด ๆ อันนำความเสียหายหรือด้วยประการใด ๆ จนผู้รับทุนตกเป็นลูกหนี้แก่รัฐบาล หรือแก่กรมการแพทย์ผู้รับสัญญา จะเป็นโดยสัญญาหรือโดยเหตุใด ๆ ก็ตาม ข้าพเจ้า (จำเลย)ขอให้สัญญาไว้แก่กรมการแพทย์ผู้รับสัญญาว่าข้าพเจ้า (จำเลย)ยอมรับชดใช้เงินที่ตกเป็นลูกหนี้ดังกล่าวแทนผู้ได้รับทุนรายนี้ทั้งสิ้น ฯลฯ” โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดคือเงินทุนที่ผู้รับทุนได้รับไปตามแผนโคลัมโบที่รัฐบาลแคนาดาให้แก่รัฐบาลไทยซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของรัฐบาลแคนาดาเกี่ยวกับรายการฝึกอบรมของผู้รับทุนเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 247,943.01 บาท โดยมิได้แสดงรายละเอียดว่าค่าใช้จ่ายนั้นเป็นค่าอะไรบ้าง แต่ละอย่างจำนวนเท่าใด อันเป็นสารสำคัญที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จำเลยย่อมไม่ทราบว่าค่าใช้จ่ายนั้นเป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เพราะจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันมิใช่เป็นผู้รับทุน เมื่อจำเลยไม่เข้าใจข้อหาย่อมไม่อาจให้การต่อสู้ได้ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ขาดข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเป็นฟ้องเคลือบคลุม (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2521)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นกรมในกระทรวงสาธารณสุข โจทก์ที่ 2 เป็นกรมในสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและวิชาการจากต่างประเทศ และจัดสรรเงินทุนที่รัฐบาลต่างประเทศให้แก่รัฐบาลไทย ตามความต้องการของกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ โจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดสรรเงินทุนโคลัมโบที่รัฐบาลแคนาดาให้แก่รัฐบาลไทยให้แก่โจทก์ที่ 1 และนายแพทย์เผด็จ วรรธนสาร เป็นผู้รับทุนดังกล่าว โดยจำเลยได้ทำสัญญาค้ำประกันให้ไว้แก่โจทก์ที่ 1 ยอมรับผิดชดใช้แทนนายแพทย์เผด็จในเมื่อนายแพทย์เผด็จผิดสัญญาจะต้องใช้เงินทั้งหมดที่รัฐบาลไทยหรือองค์การต่างประเทศที่ให้ทุนได้จ่ายไปในการเดินทางไปศึกษา รวมตลอดทั้งเงินเดือนเงินเพิ่มให้แก่โจทก์จนครบถ้วนโดยปราศจากเงื่อนไข นายแพทย์เผด็จเดินทางไปศึกษาแล้วขอลาออกจากราชการแต่ทางราชการไม่อนุญาตและเรียกให้นายแพทย์เผด็จเดินทางกลับ แต่นายแพทย์เผด็จไม่กลับเป็นการผิดสัญญาที่ให้ไว้แก่โจทก์นายแพทย์เผด็จได้รับเงินทุนไปทั้งสิ้น 247,943.01 บาท ต้องรับผิดเงินจำนวนดังกล่าวแต่ไม่ชำระ จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจึงต้องรับผิด แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระ ขอให้บังคับให้จำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า ทุนที่นายแพทย์เผด็จไปรับมิใช่ทุนที่รัฐบาลแคนาดาให้กับรัฐบาลไทย โจทก์ที่ 2 กับจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน โจทก์ที่ 2 ไม่มีอำนาจฟ้อง ในการรับทุนไม่มีเงื่อนไขที่จะต้องชดใช้เงินคืนไม่ว่ากรณีใด ๆ แก่องค์การผู้ให้ทุนหรือองค์การอื่น ๆ หรือรัฐบาลใดเลย นายแพทย์เผด็จ ไม่เคยทำสัญญาหรือข้อตกลงใด ๆ ในการรับทุน จำเลยค้ำประกันนายแพทย์เผด็จในกรณีที่นายแพทย์เผด็จผู้รับทุนตกเป็นลูกหนี้รัฐบาล หรือแก่กรมการแพทย์เฉพาะเงินเดือน และเงินเพิ่มที่นายแพทย์เผด็จได้รับระหว่างลาโดยมีกำหนดเวลา 2 ปีเท่านั้น ครบกำหนดสัญญาค้ำประกัน จำเลยมิได้ทำสัญญาค้ำประกันต่อโจทก์ที่ 1 อีก แต่โจทก์ที่ 1 กลับขยายระยะเวลาให้นายแพทย์เผด็จศึกษาหรือฝึกงานต่อไปอีก เป็นการขยายเวลาหรือผ่อนเวลาให้นายแพทย์เผด็จโดยจำเลยมิได้ตกลงด้วย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด จำเลยไม่ทราบว่าหนี้เงินตามฟ้องเกี่ยวกับค่าอะไรและเท่าใด เป็นฟ้องเคลือบคลุม คดีโจทก์ขาดอายุความ จำเลยใช้เงินให้แก่โจทก์ที่ 1 สำหรับเงินเดือนและเงินเพิ่มที่นายแพทย์เผด็จรับไปแล้ว ขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์ที่ 2 ไม่เกี่ยวเป็นคู่สัญญากับผู้รับทุน จึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยต้องรับผิดใช้เงินตามฟ้องให้โจทก์ที่ 1 จำเลยให้การไม่ชัดแจ้งว่าคดีโจทก์ขาดอายุความในข้อไหนอย่างไร กรณีเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ในฐานะผู้รับทุนผิดสัญญาไม่ต้องด้วยมาตรา 165 ข้อ 11 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องใช้อายุความตามมาตรา 164 มีกำหนด 10 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินให้โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ 1 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกัน เอกสารมีข้อความว่า “ถ้าปรากฏขึ้นเมื่อใดว่าผู้ได้รับทุนนี้ตกเป็นผู้ผิดสัญญา หรือกระทำการใด ๆ อันนำความเสียหายหรือด้วยประการใด ๆ จนผู้รับทุนตกเป็นลูกหนี้แก่รัฐบาลหรือแก่กรมการแพทย์ ผู้รับสัญญาจะเป็นโดยสัญญาหรือโดยเหตุใด ๆ ก็ตาม ข้าพเจ้า (จำเลย) ขอให้สัญญาไว้แก่กรมการแพทย์ผู้รับสัญญาว่า ข้าพเจ้า (จำเลย) ยอมรับชดใช้เงินที่ตกเป็นลูกหนี้ดังกล่าวแทนผู้ได้รับทุนรายนี้ทั้งสิ้น ฯลฯ” โจทก์ที่ 1 ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินทุนที่นายแพทย์เผด็จรับไปตามแผนโคลัมโบที่รัฐบาลแคนาดาให้แก่รัฐบาลไทย ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของรัฐบาลแคนาดาเกี่ยวกับฝึกอบรมของนายแพทย์เผด็จเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 247,943 บาท 01 สตางค์ ฟ้องโจทก์ที่ 1 มิได้แสดงรายละเอียดว่าค่าใช้จ่ายนั้นเป็นค่าอะไรบ้างแต่ละอย่างจำนวนเท่าใด อันเป็นสารสำคัญที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จำเลยย่อมไม่ทราบว่าค่าใช้จ่ายนั้นเป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เพราะจำเลยเป็นผู้ค้ำประกัน มิใช่เป็นผู้รับทุน เมื่อจำเลยไม่เข้าใจข้อหา ย่อมไม่อาจให้การต่อสู้ได้ ฟ้องของโจทก์ที่ 1 ดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ขาดข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา เป็นฟ้องเคลือบคลุมชอบที่จะยกเสีย

พิพากษายืน

Share