คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองเข้าไปที่ลานนวดข้าวของผู้เสียหาย พอผู้เสียหายกำลังกันเอาข้าวเปลือกให้เป็ดกิน จำเลยทั้งสองก็กระโจนเข้าไปใช้เหล็กแหลมแทงผู้เสียหายถูกที่บริเวณศีรษะ ที่สะบัก ที่หลังและที่แขนมีบาดแผล 14 แผล แผลมีลักษณะเป็นสามแฉกเป็นส่วนมากแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาประมาณ 14 วัน จึงเป็นบาดแผลเพียงบาดเจ็บไม่ถึงกับเป็นอันตรายสาหัส และไม่ถูกอวัยวะสำคัญอาวุธที่ใช้ทำร้ายเป็นเพียงเหล็กแหลม ไม่ปรากฏชัดว่าเป็นชนิด ขนาด ประเภทใด ดังนี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า จึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2512 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองได้ไตร่ตรองไว้ก่อน บังอาจร่วมกันใช้เหล็กแหลมเป็นอาวุธแทงทำร้ายนายสิงห์ ทองคำ โดยเจตนาฆ่าให้ตาย แต่บาดแผลที่นายสิงห์ได้รับไม่ถูกอวัยวะสำคัญ จึงไม่ตาย เป็นการที่จำเลยกระทำไปตลอดแล้ว แต่ไม่บรรลุผล เหตุเกิดที่ตำบลเมืองน้อย อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 80, 83

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทั้งสองทำร้ายร่างกายนายสิงห์โดยไม่มีเจตนาฆ่าพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 83 ไม่สมควรลดมาตราส่วนโทษให้ วางโทษจำคุกจำเลยที่ 1 สองปี ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสามตามมาตรา 76 จำคุกจำเลยที่ 2 หนึ่งปีสี่เดือน

โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าตามฟ้อง

ศาลฎีกาวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า ตามเวลาที่โจทก์กล่าวหาผู้เสียหายกวาดข้าวอยู่ในลานนวดข้าว ส่วนนางจันทีภริยาเลี้ยงลูกอยู่บนเรือนใกล้ลานนวดข้าว จำเลยทั้งสองมาที่ลานนวดข้าว ผู้เสียหายถามว่ามาทำอะไร จำเลยตอบว่ามาซื้อเป็ด แล้วจำเลยที่ 2 ขึ้นไปดื่มน้ำบนเรือน ส่วนจำเลยที่ 1 ยืนอยู่ใกล้ผู้เสียหายข้างบันไดเรือน พอผู้เสียหายเดินไปเอาข้าวเปลือกให้เป็ดกิน จำเลยที่ 1 ก็ตามไป จำเลยที่ 2 ลงจากเรือนตามไปด้วย ขณะที่ผู้เสียหายกำลังกันเอาข้าวเปลือกให้เป็ดอยู่ จำเลยคนหนึ่งพูดว่า “หยุดลุงอย่าไป” พอผู้เสียหายเงยขึ้น จำเลยทั้งสองก็กระโจนเข้าไปใช่เหล็กแหลมแทงผู้เสียหายมีบาดแผล 14 แผล แล้วพากันวิ่งหนีไป ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีเพียงว่า ที่จำเลยทำร้ายผู้เสียหายดังกล่าวนี้โดยจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายดังโจทก์ฎีกามาหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับ ปรากฏตามใบชันสูตรของแพทย์มี 14 แผล เป็นบาดแผลถูกแทงที่บริเวณศีรษะ ที่สะบัก ที่หลัง และที่แขนซ้ายมีลักษณะเป็นสามแฉกเป็นส่วนมาก แพทย์ลงความเห็นว่า รักษาหายประมาณ 15 วัน จึงเป็นบาดแผลเพียงบาดเจ็บ ยังไม่ถึงกับเป็นอันตรายสาหัส และไม่ถูกอวัยวะสำคัญของร่างกายส่วนอาวุธที่ใช้ทำร้ายก็ได้ความแต่เพียงว่าเป็นเหล็กแหลม แต่จะเป็นชนิด ขนาด ประเภทใดไม่ปรากฏชัด และคดีนี้ก็ไม่ได้อาวุธที่จำเลยใช้ทำร้ายมาเป็นของกลาง จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า ฎีกาที่ 902/2500 ที่โจทก์อ้างมาประกอบ รูปคดีหาตรงกับคดีนี้ไม่

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share