คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1782/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นรับฎีกาผู้ร้อง โดยสั่งให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้โต้แย้งและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด 15 วัน ถือได้ว่าผู้ร้องทราบคำสั่งนี้แล้ว ดังปรากฏในใบท้ายฎีกา ฉะนั้น เมื่อผู้ร้องมิได้จัดการนำส่งสำเนาฎีกาภายในกำหนดดังกล่าว ถือได้ว่าผู้ร้องทิ้งฟ้องฎีกา

ย่อยาว

คดีนี้ สืบเนื่องจากผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้เฉพาะนายประเสริฐตัณฑโพธิประสิทธิ์ โดยอ้างว่านายประเสริฐเป็นลูกหนี้เงินกู้จากผู้ร้องบริษัทโซเซียต้า จำกัด โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้ว่า เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นโดยสมยอมกันระหว่างเจ้าหนี้ลูกหนี้ ขอให้จำหน่ายคำขอรับชำระหนี้เสีย
ศาลชั้นต้นเห็นชอบตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าเป็นหนี้สมยอม จึงให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกาวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๑๓ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา และให้ผู้ร้องจัดการนำส่งสำเนาฎีกาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และบริษัทโซเซียต้าจำกัดผู้โต้แย้งภายใน ๑๕ วัน
วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๑๓ ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าบริษัทโซเซียต้า จำกัดและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ (คงหมายถึงทนาย)มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแพ่ง ขอให้ส่งสำเนาฎีกาไปยังศาลแพ่งโดยผู้ร้องจะไปนำนักการกองหมายส่งสำเนาฎีกาให้แก่บริษัทโซเซียต้าจำกัด และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อไป
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้ร้องมาแถลงขอให้นำส่งสำเนาฎีกาเพื่อพ้นกำหนด ๑๕ วัน ถือว่าผู้ร้องได้ทิ้งคำฟ้องฎีกาแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔(๒) ให้ส่งสำนวนไปศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งต่อไป
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา ได้สั่งให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาฎีกาให้ผู้โต้แย้งและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด ๑๕ วันและถือว่าผู้ร้องได้ทราบคำสั่งนี้แล้ว ตามที่ปรากฏในใบท้ายฎีกา แต่ผู้ร้องมิได้จัดการนำส่งสำเนาฎีกาภายในกำหนดดังกล่าว ถือว่าผู้ร้องทิ้งฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔(๒) ประกอบกับมาตรา ๑๕๓ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ ให้จำหน่ายคดี

Share