แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้ทำการปล้นทรัพย์ แล้วได้พากันหนีไปห่างที่เกิดเหตุประมาณ 2 เส้น เห็นคนเดินสวนทางมา จำเลยจึงได้ยิงปืนขึ้น 1 นัด เป็นการยิงเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่ขาดตอนกับการปล้นการกระทำของจำเลยจึงผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า วันที่ 28 สิงหาคม 2507 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกอีก 2 คน ร่วมกันมีอาวุธปืนติดตัวปล้นเอาทรัพย์สินของผู้เสียหาย รวมราคา 2,580 บาท โดยจำเลยใช้ปืนขู่เข็ญจะทำร้ายผู้เสียหายเพื่อสะดวกในการปล้นทรัพย์หลบหนีไปพร้อมกับยิงปืนขู่ขึ้น 1 นัด ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 จำคุกจำเลยไว้ 20 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 2 คงจำคุกจำเลย 12 ปี
โจทก์และจำเลยฎีกา โดยโจทก์ขอให้วางบทกำหนดโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนจำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานโจทก์จำเลยโดยตลอดแล้ว ฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยควรมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 นั้น เห็นว่า จำเลยได้ใช้ปืนยิงในระยะห่างที่เกิดเหตุ 2 เส้น ในขณะเห็นนายน้อยสวนทางมา จึงเห็นได้ว่าเป็นการยิงเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่ขาดตอนกับการปล้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4
พิพากษาแก้ บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นทุกประการ