คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 มาตรา 13,16(3)กำหนดเอาวันกระทำผิดเป็นข้อสำคัญว่า ทหารประจำการทำผิดคดีใดจะให้ฟ้องต่อศาลทหารหรือศาลพลเรือน
แม้ตามคำฟ้องจะมีชื่อจำเลยว่า สิบเอกประยุทธ และทางไต่สวนมูลฟ้องจะปรากฏในคดีอื่นที่โจทก์อ้างเป็นพยานว่าจำเลยมียศเป็นสิบเอก เป็นข้าราชการสังกัดกรมแพทย์ทหารบกก็ตาม แต่เป็นยศและหลักฐานประจำการก่อนเกิดเหตุคดีนี้เมื่อไม่ปรากฏตามคำฟ้องหรือทางไต่สวนมูลฟ้องว่า ขณะกระทำผิดจำเลยยังคงเป็นทหารประจำการอยู่ ครั้นเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องแล้วซึ่งถือว่าคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาจำเลยจึงยื่นคำร้องและแสดงหลักฐานซึ่งรับฟังได้ว่า จำเลยยังรับราชการเป็นนายทหารชั้นประทวนประจำการ จึงเป็นการที่ปรากฏตามทางพิจารณาในภายหลังว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ศาลพลเรือนมีอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไปได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนางทองม้วนผู้ตายจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนางทองม้วนมีหน้าที่รวบรวมทรัพย์มรดกเพื่อจัดแบ่งแก่ทายาทของผู้ตาย จำเลยได้บังอาจปกปิด ยักย้ายทรัพย์มรดกคือที่ดินโดยขายให้แก่ผู้มีชื่อในราคาต่ำกว่าราคาตลาดและเป็นการขายโดยรีบด่วนเพื่อเอาเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียวอันเป็นการกระทำผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริต เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของโจทก์และทายาทอื่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353, 354, 91

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งประทับฟ้อง

จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยเป็นนายทหารชั้นประทวนประจำการศาลจังหวัดนครปฐมได้ทราบอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง แม้ศาลจะประทับฟ้องไว้แล้ว ก็ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี ขอให้ยกฟ้อง

โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยร่วมกับนางพะเยาว์กระทำความผิดตามฟ้อง และโจทก์ได้ยื่นคำร้องอีกฉบับหนึ่งว่าคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวพันกับคดีอื่นอีก 2 คดีของศาลจังหวัดนครปฐม

ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของจำเลยและโจทก์แล้ววินิจฉัยว่า จำเลยเป็นทหาร คดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลพลเรือน จึงให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งให้ประทับฟ้องโจทก์ และมีคำสั่งใหม่ว่า คดีโจทก์ไม่อยู่ในอำนาจของศาลนี้จะพิจารณา เนื่องจากไม่เป็นคดีที่เกี่ยวพันกับคดีอื่นของศาลนี้จึงไม่ประทับฟ้องโจทก์ พิพากษายกฟ้อง และกรณีไม่จำต้องพิจารณาสั่งคำร้องของโจทก์ต่อไป ให้ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามมาตรา 13 และมาตรา 16(3) แห่งพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 นั้นกฎหมายกำหนดเอาวันกระทำผิดเป็นข้อสำคัญว่า ทหารประจำการทำผิดคดีใดจะให้ฟ้องต่อศาลทหารหรือศาลพลเรือน คดีนี้แม้ตามคำฟ้องจะมีชื่อจำเลยว่าสิบเอกประยุทธ และทางไต่สวนมูลฟ้องจะปรากฏในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 134/2523 ของศาลจังหวัดนครปฐม ซึ่งโจทก์อ้างส่งศาลว่า จำเลยมียศเป็นสิบเอกเป็นข้าราชการสังกัดกรมแพทย์ทหารบกก็ตามแต่เป็นยศและหลักฐานประจำการก่อนเหตุเกิดคดีนี้ เมื่อไม่ปรากฏตามคำฟ้องหรือทางไต่สวนมูลฟ้องเลยว่า ขณะกระทำผิดจำเลยยังคงเป็นทหารประจำการอยู่อันจะต้องอยู่ในอำนาจศาลทหาร ครั้นเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องแล้วซึ่งถือว่าคดีอยู่ในระหว่างพิจารณา จำเลยจึงยื่นคำร้องว่า จำเลยรับราชการเป็นทหารชั้นประทวน ประจำการอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า สังกัดกรมแพทย์ทหารบก และต่อมาได้มีหนังสือรับรองของหัวหน้ากองศัลยกรรมโรงพยาบาลดังกล่าวว่า จำเลยยังรับราชการเป็นนายทหารชั้นประทวนอยู่ซึ่งรับฟังได้จึงเป็นการที่ปรากฏตามทางพิจารณาในภายหลังว่า เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ซึ่งมาตรา 15 วรรค 2 แห่งพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 บัญญัติว่า ให้ศาลพลเรือนมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ ศาลจังหวัดนครปฐมจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้

พิพากษายกคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งประทับฟ้องกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสีย ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาต่อไปตากระบวนความ

Share