คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะต้องตรวจสอบเอกสารการส่งสินค้าออก แต่หน้าที่ของจำเลยดังกล่าวเกิดจากการแต่งตั้งและมอบหมายจากธนาคาร ฟ. และธนาคาร บ. จำเลยจึงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทนของธนาคาร ฟ. ผู้เปิดเครดิตกับธนาคาร บ. ผู้ยืนยันเครดิต หากจำเลยปฏิบัติหน้าที่บกพร่องก่อให้เกิดความเสียหายแก่ธนาคารซึ่งเป็นตัวการ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบต่อตัวการโดยความรับผิดชอบในการตรวจเอกสารตามยูซีพี 500 มุ่งหมายถึงหน้าที่และความรับผิดของธนาคารที่เกี่ยวข้องในการตรวจเอกสารเลตเตอร์ออฟเครดิตก็เพื่อให้ถูกต้องตามเงื่อนไขในการขอเปิดเครดิตของลูกค้าผู้ขอเปิดเครดิตเพื่อประโยชน์แก่ผู้ขอเปิดเครดิตนั้นในอันที่จะได้รับเอกสารถูกต้องครบถ้วนตามคำขอเปิดเครดิต มิใช่หน้าที่เพื่อประโยชน์แก่ผู้รับประโยชน์ตามเลตเตอร์ออฟเครดิตซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่จัดหาเอกสารที่ถูกต้องครบถ้วนมาแสดงเอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 2,147,428.95 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “…มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ในการตรวจสอบเอกสารการส่งสินค้าออกที่โจทก์นำมายื่นต่อจำเลยให้ถูกต้องตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิตหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ในฐานะผู้ขายสินค้าและเป็นผู้รับประโยชน์ตามเลตเตอร์ออฟเครดิต มีหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงในการดำเนินการส่งสินค้าและรวบรวมเอกสารการส่งสินค้าให้ตรงตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิตเพื่อยื่นขอรับเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิต จำเลยเป็นเพียงธนาคารผู้แจ้งเครดิต (ADVISING BANK) และตามเลตเตอร์ออฟเครดิตมีข้อความว่า ธนาคารบริติชอาหรับคอมเมอร์เชียลแห่งกรุงลอนดอนผู้ยืนยันเครดิต (CONFIRMING BANK) มอบอำนาจให้จำเลยในการหักบัญชีของธนาคารบริติชอาหรับคอมเมอร์เชียลแห่งกรุงลอนดอน ตามมูลค่าของตั๋วเงินที่จำเลยได้รับซื้อและจ่ายเงินตามูลค่าเครดิตและเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต ภายหลัง 5 วันทำการ นับแต่วันที่ธนาคารดังกล่าวได้รับข้อความการตรวจสอบเอกสารของจำเลยว่าถูกต้องตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต ซึ่งหมายความว่าจำเลยเป็นธนาคารที่ได้รับการแต่งตั้งให้กระทำการแทนในการจ่ายเงินหรือการรับซื้อตั๋วเงินและเอกสารด้วยก็ตาม แต่การที่จำเลยได้รับซื้อตั๋วเงินหรือเอกสารการส่งสินค้าออกของโจทก์ (หมายเหตุ : ตามฟ้องมีโจทก์แค่คนเดียว) โดยนำเงินค่าสินค้าในงวดที่ 1 หลังจากหักค่าธรรมเนียมแล้วเข้าบัญชีของโจทก์ ก็เป็นกรณีที่จำเลยให้สินเชื่อแก่โจทก์ซึ่งเป็นความผูกพันโดยเฉพาะระหว่างจำเลยกับโจทก์ซึ่งเป็นลูกค้าของจำเลยในการรับซื้อตั๋วเงินและเอกสารและจ่ายเงินค่าสินค้าให้แก่โจทก์ไปก่อน แล้วเรียกเก็บเงินนำเข้าชำระหนี้ต่อไป แต่ทั้งนี้โจทก์ได้ทำหนังสือรับรองไว้ว่า หากจำเลยเรียกเก็บเงินค่าสินค้าตามเลตเตอร์ออฟเครดิตนั้นไม่ได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ โจทก์ยินยอมคืนเงินให้แก่จำเลย ดังนี้ แม้หากจะฟังว่าจำเลยเป็นธนาคารผู้รับซื้อตั๋วเงินและเอกสารจากโจทก์ด้วย ซึ่งจำเลยจะต้องตรวจสอบเอกสารการส่งสินค้าออกก็ตาม แต่หน้าที่ของจำเลยดังกล่าวเกิดจากการแต่งตั้งและมอบหมายจากธนาคารไฟซาลอิสลามิกแห่งอียิปต์และธนาคารบริติชอาหรับคอมเมอร์เชียลแห่งกรุงลอนดอน จำเลยจึงปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวในฐานะตัวแทนของธนาคารผู้เปิดเครดิตกับธนาคารผู้ยืนยันเครดิต หากจำเลยปฏิบัติหน้าที่บกพร่องก่อให้เกิดความเสียหายแก่ธนาคารซึ่งเป็นตัวการ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบต่อตัวการ โดยความรับผิดชอบในการตรวจเอกสารตามยูซีพี 500 มุ่งหมายถึงหน้าที่และความรับผิดของธนาคารที่เกี่ยวข้องในการตรวจเอกสารตามเลตเตอร์ออฟเครดิตก็เพื่อให้ถูกต้องตามเงื่อนไขในการขอเปิดเครดิตของลูกค้าผู้ขอเปิดเครดิตเพื่อประโยชน์แก่ผู้ขอเปิดเครดิตนั้นในอันที่จะได้รับเอกสารถูกต้องครบถ้วนตามคำขอเปิดเครดิต มิใช่หน้าที่เพื่อประโยชน์แก่ผู้รับประโยชน์ตามเลตเตอร์ออฟเครดิตซึ่งเป็นหน้าที่ต้องจัดหาเอกสารที่ถูกต้องครบถ้วนมาแสดงเองโดยตรงดังกล่าวมาข้างต้นแต่อย่างใดจึงมิใช่กรณีที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการตรวจสอบเอกสารการส่งสินค้าต่อโจทก์ตามข้อกำหนดของยูซีพี 500 ดังที่โจทก์อ้างและแม้จำเลยจะเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมจากโจทก์ในกรณีรับซื้อเอกสารหรือเรียกเก็บเงินตามเอกสารให้โจทก์และจำเลยมีหน้าที่ตรวจเอกสารส่งสินค้าออกของโจทก์ให้เป็นไปตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิตก็ตาม ก็เป็นหน้าที่ที่จำเลยต้องทำเพื่อระมัดระวังรักษาประโยชน์ของจำเลยเอง มิได้มีหน้าที่ตรวจเอกสารให้แก่โจทก์ตามสัญญาดังที่โจทก์อุทธรณ์
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่ามี จำเลยมีหน้าที่ต้องสลักหลังกรมธรรม์ประกันภัยในเอกสารการส่งสินค้าออกของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า ตามเลตเตอร์ออฟเครดิตตามฟ้อง จำเลยเป็นธนาคารผู้แจ้งเครดิตและธนาคารผู้ได้รับการแต่งตั้งให้กระทำการแทนธนาคารผู้ยืนยันเครดิตในการรับ ตรวจสอบและส่งต่อเอกสารการส่งสินค้าออกของโจทก์เท่านั้น โจทก์ไม่มีพยานมาเบิกความยืนยันว่า ข้อความในเลตเตอร์ออฟเครดิตอันเกี่ยวกับการประกันภัยสินค้าดังกล่าว ผู้ประกอบวิชาชีพธนาคารซึ่งมีธุรกรรมเกี่ยวกับวิธีการชำระเงินในการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศต้องเข้าใจว่าธนาคารผู้รับแจ้งเครดิตหรือได้รับแต่งตั้งมีหน้าที่สลักหลังกรมธรรม์ประกันด้วย ทั้งไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยทราบอยู่แล้วว่าต้องสลักหลังกรมธรรม์ประกันภัย แล้วจงใจหรือประมาทเลินเล่อมิได้สลักหลังกรมธรรม์ประกันภัย พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมายังไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยมีหน้าที่ต้องสลักหลังกรมธรรม์ประกันภัยตามข้ออ้างของโจทก์ อุทธรณ์ของโจทก์ในข้อนี้ก็ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share