แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยปลอมลายมือชื่อ จ. ในหนังสือขอเปลี่ยนสมุดบัญชีเงินฝาก และนำเอกสารปลอมดังกล่าวไปอ้างแสดงต่อ ค. จนในที่สุดสหกรณ์ออมทรัพย์ ล. จำกัด ได้อนุมัติตามหนังสือดังกล่าว เพราะ ค. หลงเชื่อว่าจำเลยนำเอกสารที่แท้จริงซึ่ง จ. ลงลายมื่อชื่อมายื่นเพื่อขออนุมัติ การกระทำดังกล่าวถือได้ว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่ ค. และสหกรณ์ออมทรัพย์ ล. จำกัด รวมทั้ง จ. เจ้าของบัญชีเงินฝากร่วมกับจำเลยด้วย กระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางดวงจันทร์ บุตรของนายจันทร์ตา ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 ตามมาตรา 268 วรรคสอง ให้จำคุก6 เดือน และปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 หรือไม่ เห็นว่า บัญชีเงินฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำพูน จำกัด มีชื่อนายจันทร์ตาและจำเลยเป็นเจ้าของบัญชี แม้จำเลยจะมีสิทธิเบิกถอนเงินได้เพียงผู้เดียว แต่นายจันทร์ตาและจำเลยต่างก็เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในบัญชีเงินฝากดังกล่าว และตามหนังสือขอเปลี่ยนชื่อสมุดบัญชีเงินฝากมีข้อความว่า “ตามที่ข้าพเจ้าได้ฝากเงินไว้ที่สหกรณ์ฯ โดยฝากร่วมกับนางมยุรี ตามสมุดบัญชีเลขที่ 00158 บัดนี้ข้าพเจ้ามีความประสงค์จะเปลี่ยนชื่อในสมุดดังกล่าวเป็นชื่อของนางมยุรี แต่เพียง ผู้เดียวพร้อมกับเงินจำนวนดังกล่าวและข้าพเจ้าขอมอบให้เป็นสิทธิของนางมยุรี ด้วย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2542 เป็นต้นไป” หนังสือดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนชื่อในสมุดบัญชีเงินฝากอย่างเดียวแต่ระบุยกเงินในบัญชีให้แก่จำเลยด้วย ประกอบกับขณะทำการเปลี่ยนชื่อในสมุดบัญชีเงินฝาก นายจันทร์ตายังไม่ถึงแก่ความตาย พินัยกรรมที่จำเลยอ้างว่านายจันทร์ตายกเงินในบัญชีเงินฝากให้แก่จำเลย ยังไม่มีผลบังคับ และจำเลยก็เบิกความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1445/2543 ของศาลชั้นต้นนลงวันที่ 28 มกราคม 2545 ว่าจำเลยมาทราบภายหลังจากเปิดพินัยกรรมว่านายจันทร์ตายกทรัพย์มรดกรวมทั้งเงินในบัญชีเงินฝากให้แก่จำเลยแสดงว่าขณะที่จำเลยปลอมลายมือชื่อของนายจันทร์ตาในหนังสือขอเปลี่ยนชื่อสมุดบัญชีเงินฝาก และใช้หนังสือฉบับดังกล่าวไปยื่นต่อสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำพูน จำกัด นายจันทร์ตายังไม่ได้ยกเงินในบัญชีเงินฝากให้แก่จำเลยตามพินัยกรรมดังนั้น การที่จำเลยปลอมลายมือชื่อนายจันทร์ตาในหนังสือขอเปลี่ยนชื่อสมุดบัญชีเงินฝากและนำเอกสารปลอมดังกล่าวไปอ้างแสดงต่อนายคมสันต์ จนในที่สุดสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำพูน จำกัด ได้อนุมัติตามหนังสือดังกล่าว เพราะนายคมสันต์หลงเชื่อว่าจำเลยนำเอกสารที่แท้จริงซึ่งนายจันทร์ตาลงลายมือชื่อมายื่นเพื่อขออนุมัติการกระทำดังกล่าวถือได้ว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่นายคมสันต์และสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำพูน จำกัด รวมทั้งนายจันทร์ตาเจ้าของบัญชีเงินฝากร่วมกับจำเลยด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน