คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2099/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ในคดีแพ่งนั้นจะเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแต่ละปัญหาเป็นกรณี ๆ ไป หาใช่ว่าเมื่อเป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ในคดีแพ่งแล้ว จะต้องเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนทุกกรณีไม่ คดีนี้การที่จำเลยหยิบยกปัญหาว่าโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์เองหรือซื้อแทนบริษัท จ. ขึ้นในชั้นอุทธรณ์เพื่อตั้งประเด็นข้อต่อสู้ว่า กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทมิได้เป็นของโจทก์ อีกทั้งบริษัท จ. ผู้ซื้อมิได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น แม้จะเป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องก็ตาม แต่ก็หาใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของโจทก์ และทำที่ดินของโจทก์ให้เป็นไปตามเดิมแล้วส่งคืนโจทก์ด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยและให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 17,000,000 บาท กับขอให้ชำระค่าเสียหายนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปในอัตราเดือนละ 1,000,000 บาท จนกว่าจำเลยจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์และให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ด้วย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้อง และขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนสิทธิภาระจำยอมในที่ดินส่วนที่โรงเรือนปลูกรุกล้ำให้แก่จำเลยโดยให้โจทก์รับเงินค่าใช้ที่ดินดังกล่าวตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดให้ หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์ กับขอให้โจทก์ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 105442 ตามฟ้องทั้งหมดออกจากที่ดินของโจทก์ตามแผนที่วิวาท และส่งมอบที่ดินส่วนที่จำเลยรุกล้ำคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยตามเดิมและให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 35,000 บาท นับแต่วันที่ 1 กันยายน 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์และส่งมอบที่ดินคืนโจทก์แล้ว ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยและให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์เพียงเท่าที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความให้จำนวน 150,000 บาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับฎีกาของจำเลยในประการแรกเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งจำเลยฎีกาว่า โจทก์เบิกความต่อศาลชั้นต้นยอมรับข้อเท็จจริงว่าโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทแทนบริษัทเจนเนอรัล คอมพิวเตอร์ จำกัด และกล่าวในฟ้องว่าการกระทำของจำเลยทำให้บริษัทดังกล่าวไม่อาจปลูกสร้างอาคารสำนักงานและโกดังของบริษัทได้ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท ข้อเท็จจริงที่จำเลยกล่าวอ้างในอุทธรณ์ว่า โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทแทนบริษัทเจนเนอรัล คอมพิวเตอร์ จำกัด บริษัทดังกล่าวจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยมิได้รับมอบอำนาจจากบริษัทดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจึงเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์ยอมรับและได้ว่ากล่าวกันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นฎีกาในทำนองคัดค้านว่า ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้เป็นการไม่ชอบ เห็นว่า ในประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องนั้น จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท เพราะที่ดินพิพาทยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของนายสนั่นอยู่ เนื่องจากโจทก์กับนายสนั่นสมรู้ร่วมกันแสดงเจตนาลวงว่าทำการซื้อขายกัน เพื่อเป็นข้ออ้างของโจทก์ที่จะเรียกร้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและเรียกค่าเสียหาย นิติกรรมซื้อขายระหว่างโจทก์กับนายสนั่นจึงเป็นโมฆะ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตามคำให้การของจำเลยดังกล่าวมิได้มีประเด็นพิพาทว่า โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทแทนบริษัทเจนเนอรัล คอมพิวเตอร์ จำกัด แต่อย่างใด ดังนั้น แม้หากจะปรากฏว่ามีการยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้นจริงดังที่จำเลยกล่าวอ้างในฎีกาก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องนอกประเด็นตามคำให้การของจำเลย จึงถือไม่ได้ว่าประเด็นที่จำเลยหยิบยกขึ้นอุทธรณ์ดังที่จำเลยฎีกากล่าวอ้างมานั้น เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยจึงเป็นการชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าประเด็นเรื่องโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์หรือชั้นฎีกาได้ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2546 ระหว่างบริษัท เอส.เอ.แลนด์ จำกัด โจทก์ นางทัศนีย์ จำเลย นั้น เห็นว่า ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ในคดีแพ่งนั้นจะเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแต่ละปัญหาเป็นกรณี ๆ ไป หาใช่ว่าเมื่อเป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ในคดีแพ่งแล้ว จะต้องเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนทุกกรณีไม่ คดีนี้การที่จำเลยหยิบยกปัญหาว่าโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์เองหรือซื้อแทนบริษัทเจนเนอรัล คอมพิวเตอร์ จำกัด ขึ้นในชั้นอุทธรณ์เพื่อตั้งประเด็นข้อต่อสู้ว่า กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทมิได้เป็นของโจทก์ อีกทั้งบริษัทเจนเนอรัล คอมพิวเตอร์ จำกัด ผู้ซื้อมิได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น แม้จะเป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องก็ตาม แต่ก็หาใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยอ้างมาในฎีกานั้นเป็นเรื่องที่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเจ้าของภารยทรัพย์ไม่มีอำนาจฟ้องเจ้าของสามยทรัพย์เพื่อปลดเปลื้องภาระจำยอมได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387 ซึ่งเป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยอ้างจึงไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาของจำเลยในข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์นับตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2539 เป็นต้นไป และให้คืนเงินค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาที่จำเลยชำระเกินมาแก่จำเลยด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share