คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14334/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทรัพย์สินในความผิดฐานรับของโจรคดีนี้มิใช่ทรัพย์สินในความผิดฐานรับของโจรในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๔๗๑ – ๔๗๒/๒๕๕๗ และ ๒๓๑๐/๒๕๕๗ ของศาลชั้นต้นซึ่งจำเลยที่ ๒ ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 1 ในทั้งสามคดีดังกล่าว และช่วงเวลากระทำความผิดที่โจทก์ฟ้องคดีนี้กับคดีทั้งสามก็เป็นคนละช่วงเวลากัน กรณีไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ รับของโจรคดีนี้ในคราวเดียวกับการรับของโจรในคดีทั้งสาม ฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีทั้งสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357, 58, 83, 92, 93 ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 331,340 บาท แก่ผู้เสียหาย เพิ่มโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ตามกฎหมายและนับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1212/2557 ของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 425/2557 และของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 522/2557 ของศาลชั้นต้น เพิ่มโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ตามกฎหมาย บวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 769/2555 และ 1271/2555 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ และนับโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3340/2555 ของศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 471 – 472/2557 ของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1212/2557 ของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 402/2557, 425/2557, 936/2557 ของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 924/2557 และของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1081/2557 ของศาลชั้นต้น นับโทษจำคุกของจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1212/2557 ของจำเลยที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 425/2557 ของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 924/2557 และของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 936/2557 ของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 3 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เป็นจำคุก 4 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 3 เดือน ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 คดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3340/2555 ของศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 471 – 472/2557 ของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1212/2557 ของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1081/2557 หมายเลขแดงที่ 2690/2557 ของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 425/2557 หมายเลขแดงที่ 1805/2557 ของศาลชั้นต้น ส่วนที่โจทก์ขอให้บวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ที่รอการลงโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 769/2555 และ 1271/2555 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้นั้น เนื่องจากศาลนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษทั้ง 2 คดีดังกล่าว บวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 (จำเลยที่ 2 คดีนี้) ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 471 – 472/2557 ของศาลชั้นต้นแล้ว จึงไม่อาจบวกโทษตามคำขอของโจทก์ได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้ และที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 402/2557, 936/2557 และของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 924/2557 ของศาลชั้นต้นนั้น เนื่องจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 924/2557 และ 936/2557 ศาลยังไม่มีคำพิพากษา ส่วนคดีอาญาหมายเลขดำที่ 402/2557 หมายเลขแดงที่ 2310/2557 ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 (จำเลยที่ 2 คดีนี้) จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 3
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 471 – 472/2557 และ 2310/2557 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เหตุรับของโจรเกิดระหว่างวันที่ 22 กันยายน 2556 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ภายหลังเกิดเหตุลักทรัพย์ ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 ส่วนจำเลยที่ 2 นำสืบว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2556 จำเลยที่ 2 เช่าพระเครื่องและพระบูชาจากนายอนันต์ซึ่งลักมาจากผู้อื่นแล้วนำพระบางส่วนไปไว้ที่บ้านนายบุญสืบ นางสาวอุไร และนางสาวกาญจนา ต่อมานางสาวกาญจนานำไปให้นางรุ่งรัตน์ การที่จำเลยที่ 2 เช่าพระมาจากนายอนันต์นั้นเป็นความผิดฐานรับของโจรแล้ว ตามสำเนาคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 471 – 472/2557 และ 2310/2557 เห็นว่า ตามสำเนาคำพิพากษา จำเลยที่ 2 (จำเลยที่ 1 ในคดีดังกล่าว) นำทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้ที่บ้านเลขที่ 12/127 (บ้านนางสาวอุไร) ซึ่งบางส่วนเป็นของจำเลยที่ 2 บางส่วนเป็นของนายอนันต์ที่ฝากจำเลยที่ 2 ไปขาย แสดงว่าทรัพย์สินของกลางในคดีดังกล่าวไม่ใช่ของที่จำเลยที่ 2 เช่ามาจากนายอนันต์ แต่เป็นของที่นายอนันต์ฝากจำเลยที่ 2 ไปขาย ดังนั้นทรัพย์สินในความผิดฐานรับของโจรคดีนี้จึงมิใช่ทรัพย์สินในความผิดฐานรับของโจรตามสำเนาคำพิพากษา เหตุรับของโจรในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 471 – 472/2557 เกิดระหว่างวันที่ 21 สิงหาคม 2556 ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 และวันที่ 6 มิถุนายน 2556 ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 และเหตุในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2310/2557 เกิดระหว่างวันที่ 21 กรกฎาคม 2556 ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 ซึ่งทั้งสามคดีดังกล่าวจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 รับว่าได้กระทำผิดในช่วงเวลาที่โจทก์ฟ้องอันเป็นคนละช่วงเวลากับเวลาเกิดเหตุรับของโจรที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ ข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 2 นำสืบจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 รับของโจรในคราวเดียวกับการรับของโจรในสามคดีดังกล่าว ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 471 – 472/2557 และที่ 2310/2557 ของศาลชั้นต้น ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share