คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2266/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ แต่เมื่อโจทก์เข้าครอบครองและปลูกพืชไร่อยู่ก่อน จำเลยทั้งสี่ย่อมไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะเข้าไปไถพืชไร่ที่โจทก์ปลูกไว้ โจทก์เป็นผู้ครอบครองอยู่ก่อนย่อมมีสิทธิดีกว่าจำเลยทั้งสี่ เมื่อจำเลยทั้งสี่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสี่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ใช้สิทธิครอบครองทำประโยชน์ที่ดินมือเปล่า โดยปลูกพืชไร่ ทำสวนผักตามฤดูกาล และปลูกต้นมะพร้าวมะม่วง มะขาม มานานกว่า 5 ปีแล้ว จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันเข้าไปไถปรับหน้าที่ดินโจทก์ที่ครอบครองอยู่ทางด้านทิศเหนือและทิศใต้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์เป็นเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 2 งานอันเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับห้ามมิให้จำเลยทั้งสี่เข้ารบกวนสิทธิครอบครองในที่ดินที่โจทก์ใช้สิทธิครอบครองอยู่ ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จนกว่าจำเลยทั้งสี่จะเลิกการรบกวนสิทธิของโจทก์
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า ที่ดินพิพาทตามฟ้องทั้งด้านทิศเหนือและทิศใต้เป็นส่วนหนึ่งของลำรางสาธารณะ ซึ่งบุคคลใดจะเข้าครอบครองทำประโยชน์หาได้ไม่เพราะเป็นที่สาธารณะ ประกอบกับปัจจุบันได้กลายเป็นทางเดินของคนในหมู่บ้านที่จำเป็นต้องใช้รถไถเข้าออกไร่ของตนเอง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์มิได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว จำเลยทั้งสี่ไม่ได้เข้ารบกวนสิทธิและละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ห้ามมิให้จำเลยทั้งสี่เข้ารบกวนการครอบครองที่ดินพิพาท ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะเลิกรบกวนการครอบครองที่ดินพิพาท
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโจทก์ได้ครอบครองทำประโยชน์โดยปลูกพืชไร่ในที่พิพาท ต่อมาจำเลยทั้งสี่ได้เข้าไปไถปรับหน้าดินทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสี่ที่ว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประชาชนใช้ทำประโยชน์ร่วมกัน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและไม่มีอำนาจให้ชดใช้ค่าเสียหายนั้น เห็นว่า ที่พิพาทแม้จะเป็นที่สาธารณะตามที่จำเลยทั้งสี่ฎีกา เมื่อโจทก์เข้าครอบครองและปลูกพืชไร่ จำเลยทั้งสี่ย่อมไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะเข้าไปไถพืชไร่ที่โจทก์ปลูกไว้โจทก์เป็นผู้ครอบครองอยู่ก่อนย่อมมีสิทธิดีกว่าจำเลยทั้งสี่เมื่อจำเลยทั้งสี่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสี่ได้
พิพากษายืน

Share