คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้เงินกู้ที่ ป. ก่อขึ้นระหว่างผู้ร้องกับ ป. มิได้เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย มิใช่หนี้ร่วม ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมในบ้านพิพาท(ซึ่งถูกบังคับคดีขายทอดตลาด) อยู่ครึ่งหนึ่ง ชอบที่จะขอกันส่วนได้ของตนครึ่งหนึ่งได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะผู้รับมรดกของพลตำรวจสมัครปานสามีจำเลย ให้ชำระเงินกู้ คดีถึงที่สุด โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านพิพาทเพื่อขายทอดตลาด

จำเลยยื่นคำร้องว่าบ้านพิพาทปลูกขึ้นระหว่างผู้ร้องอยู่กินกับพลตำรวจสมัครปานฉันสามีภรรยากันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในบ้านดังกล่าวครึ่งหนึ่ง ขอให้ศาลกันส่วนเฉพาะของผู้ร้องให้ผู้ร้อง

โจทก์คัดค้านว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วนหนี้รายนี้เป็นหนี้ร่วม

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยให้ร่วมรับผิดเป็นส่วนตัวผู้ร้องกับพลตำรวจสมัครปานเป็นสามีภรรยากันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องมีสิทธิขอกันส่วนเฉพาะของตนครึ่งหนึ่งออกได้ พิพากษากลับ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกันเงินที่ขายทอดตลาดได้ผู้ร้องครึ่งหนึ่ง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดในฐานะผู้รับมรดกของพลตำรวจสมัครปาน หาได้ฟ้องผู้ร้องในฐานะส่วนตัวให้ร่วมรับผิดกับพลตำรวจสมัครปานด้วยไม่และปรากฏว่าหนี้เงินกู้ที่โจทก์ฟ้องพลตำรวจสมัครปานได้ก่อขึ้นระหว่างที่ผู้ร้องกับพลตำรวจสมัครปานมิได้เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงมิใช่หนี้ร่วม ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมในบ้านพิพาทครึ่งหนึ่งจึงชอบที่จะขอกันส่วนได้ของตนครึ่งหนึ่ง ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share