คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4465/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้เสียหายอายุ 16 ปีเศษ ยังอาศัยและอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของบิดามารดา แม้ผู้เสียหายจะไปเที่ยวที่ไหน กลับเมื่อใดก็ได้ผู้เสียหายก็ยังอยู่ในอำนาจปกครองของบิดามารดา การที่จำเลยพบกับผู้เสียหายที่งานบวชพระแล้วพาผู้เสียหายไปกระทำชำเราด้วยความสมัครใจของผู้เสียหายย่อมเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดาจึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 319 การพรากผู้เยาว์กฎหมายบัญญัติเป็นความผิดไม่ว่าผู้เยาว์จะเต็ม ใจไปด้วยหรือไม่ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 318 แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 319 ศาลย่อมปรับบทลงโทษตามมาตรา 319 ได้ มิใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้พรากนางสาว ก.อายุ 16 ปีเศษ ไปเสียจากนาย จ. บิดาเพื่อการอนาจาร โดยใช้มีดปลายแหลมขู่บังคับให้นางสาว ก.ไปกับจำเลย และจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเรานางสาว ก. 2 ครั้งโดยนางสาว ก. ไม่เต็มใจไปด้วย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 318
จำเลยให้ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 318 วรรคสาม ให้จำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ตามที่คู่ความนำสืบรับกันว่า นางสาว ก. ผู้เสียหายผู้เยาว์มีอายุกว่าสิบสามปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ผู้เสียหายเคยได้เสียกับจำเลยมาก่อน 2 ครั้ง ครั้งแรกผู้เสียหายว่าถูกจำเลยใช้มีดขู่บังคับ ครั้งที่สองผู้เสียหายยินยิมสมัครใจปัญหาวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318ตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ คดีได้ความจากผู้เสียหายว่า วันเกิดเหตุคดีนี้ผู้เสียหายกับนาง ร. พากันไปเที่ยงงานบวชพระด้วยรถจักรยานขากลับปรากฏว่ายางในรถจักรยานแตก ผู้เสียหายได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานกลับกับจำเลย คงให้นาง ร. จูงรถจักรยานกลับบ้านกับเพื่อนบ้าน ระหว่างทางจำเลยได้จอดรถและใช้มีดพกจี้ที่คอผู้เสียหายพาไปข่มขืนกระทำชำเราที่เพิงนาข้างถนนรวม 2 ครั้ง แล้วจำเลยหลับไป ในข้อที่ว่าจำเลยได้ใช้มีดจี้พาผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราหรือไม่นั้น ผู้เสียหายเบิกความยืนยันว่าจำเลยได้ขืมขืนกระทำชำเราผู้เสียหายรวม 2 ครั้ง แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้เสียหายเคยได้เสียกับจำเลยด้วยความสมัครใจของผู้เสียหายมาก่อนแล้ว และการที่ผู้เสียหายไม่ยอมกับบ้านพร้อมนาง ร. โดยให้ นาง ร. กลับบ้านไปก่อนทั้ง ๆ ที่ไม่มีความจำเป็ต้องไปกับจำเลยนั้น แสดงว่าผู้เสียหายมีอุบายที่จะกลับบ้านพร้อมจำเลยมากกว่า จากพฤติการณ์ดังกล่าวจึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้ใช้มีดจี้คอผู้เสียหายพาไปข่มขืนกระทำชำเรา แต่เกิดจากความสมัครใจยินยอมของผู้เสียหายให้จำเลยกระทำชำเราเอง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 318 มีปัญหาที่จะวินิจฉัยต่อไปมีว่า จำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 หรือไม่ เห็นว่า ผู้เสียหายมีอายุเพียง 16 ปีเศษ ยังอาศัยและอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของบิดามารดาด้วย ผู้เสียหายจึงอยู่ในอำนาจปกครองของบิดามารดา การกระทำของจำเบยต่อผู้เสียหายขณะที่ผู้เสียหายยังอยู่ในอำนาจปกครองของบิดามารดาจะต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดาเสียก่อน มิฉะนั้นย่อมถือว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดา ที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหาย แม้ผู้เสียหายจะสมัครใจยินยอม ก็ถือไม่ได้ว่าได้รับความยินยอมเห็นชอบจากบิดามารดา และทำให้กระทบกระเทือนต่ออำนาจปกครองของบิดามารดา ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าแม้บิดามาราผู้เสียหายจะให้อิสระแก่ผู้เสียหายที่จะไปเดที่ยวที่ไหนและกลับเมื่อใด ไม่เคยสนใจสอบถามหรือห้ามปราม ผู้เสียหายก็ยังคงอยู่ในอำนาจปกครองของบิดามารดา การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 การพรากผู้เยาว์กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดไม่ว่าผู้เยาว์จะเต็มใจไปด้วยหรือไม่ แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 ศาลย่อมปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 ได้ มิใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ที่บิดามารดาผู้เสียหายปล่อยปละละเลยขาดการเอาใจใส่ดูแลความประพฤติผู้เสียหายทำนองยอมให้ผู้เสียหายมีอิสระจะปฏิบัติอย่างไรก็ได้ เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วบิดาผู้เสียหายรับว่า ฝ่ายจำเลยมาสู่ขอผู้เสียหายตามประเพณีเพียงแต่ตกลงเรื่องเงินค่าสินสอดไม่ได้เท่านั้นจึงเกิดเหตุเป็นคดีนี้ขึ้น นับว่าจำเลยควรได้รับความปรานี
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319จำคุก 3 ปี ปรับ 6,000 บาท คำให้การจำเลยนับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี ปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนและมีเหตุอันควรปรานี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มีกำหนด 2 ปีไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30.

Share