คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวแล้วหลบหนี ศาลมีคำสั่งปรับผู้ประกัน ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ในคดีอื่นผู้ประกันจึงแจ้งให้ศาลทราบ กรณียังถือไม่ได้ว่าผู้ประกันมีส่วนในการจับกุมจำเลยอันเป็นเหตุที่จะลดหย่อนค่าปรับให้.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลยานนาวาขอฝากขังจำเลยต่อศาลไว้ในระหว่างสอบสวนผู้ประกันขอประกันตัวจำเลยไปภายหลังไม่สามารถส่งตัวจำเลยต่อศาลตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันเต็มตามจำนวนในสัญญา เมื่อโจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแล้วผู้ประกันก็ยังไม่สามารถส่งตัวจำเลยต่อศาลได้ ต่อมาผู้ประกันแถลงต่อศาลว่าจำเลยถูกขังอยู่ในคดีความผิดพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และยื่นคำร้องขอลดค่าปรับ
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
ผู้ประกันอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ประกันฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ผู้ประกันฎีกาว่า ผู้ประกันมีส่วนในการจับกุมจำเลยส่งศาลด้วยนั้นได้ความเพียงว่า เมื่อตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางโพงพางจับตัวจำเลยได้ในคดีอื่น ผู้ประกันทราบจึงแจ้งให้ศาลทราบ ถือไม่ได้ว่าผู้ประกันมีส่วนในการจับกุมจำเลย คดีนี้เป็นคดีมีอัตราโทษสูง จำเลยหลบหนีไปเป็นเวลาถึง 1 ปีเศษ การที่ได้ตัวจำเลยมาดำเนินคดีก็เพราะจำเลยถูกจับในคดีอื่น ตามพฤติการณ์ดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันเป็นเงิน20,000 บาทนั้นเป็นจำนวนเงินอันสมควรแล้ว ไม่มีเหตุที่จะลดหย่อนค่าปรับให้ที่ศาลชั้นต้นที่คำสั่งยกคำร้อง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น ชอบแล้ว ฎีกาของผู้ประกันฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share