คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การพนันสลากกินรวบเป็นการพนันที่มอมเมาประชาชน เป็นอบายมุขที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของชาติบ้านเมือง ต้องกำราบปราบปรามมิให้มีการเล่นหรือให้ลดน้อยลง จำเลยเป็นเจ้ามือรายใหญ่ตามสมุดจดสลากกินรวบของกลางปรากฏว่ามีการเล่นการพนันกันถึงหลายแสนบาท ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำเลยนั้นชอบแล้ว.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องด้วยวาจาว่า จำเลยกับพวกร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบโดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 10, 12, 14, 15 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่7) พ.ศ. 2504 มาตรา 3 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน และปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ ขอไม่ให้รอการลงโทษจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 4เดือน จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน โดยไม่รอการลงโทษและไม่ปรับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ขอให้รอการลงโทษจำเลย โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘การพนันสลากกินรวบเป็นการพนันที่มอมเมาประชาชนเป็นอบายมุขที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของชาติบ้านเมือง ต้องกำราบปราบปรามมิให้มีการเล่นหรือให้ลดน้อยลง จำเลยเป็นเจ้ามือรายใหญ่ตามสมุดจดสลากกินรวบของกลางปรากฏว่ามีการเล่นการพนันกันถึงหลายแสนบาท ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำเลย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ส่วนคำพิพากษาฎีกาที่จำเลยยกขึ้นอ้างในฎีกาว่าศาลฎีกาเคยรอการลงโทษให้นั้น ปรากฏว่าจำเลยในคดีดังกล่าวมิใช่เจ้ามือรายใหญ่ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน’.

Share