คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์รับเงินจากจำเลยไว้เมื่อโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยแล้ว เงินดังกล่าวไม่ว่าจะเรียกเงินค่าเช่าหรือค่าเสียหายก็จะถือว่าโจทก์จำเลยเป็นอันทำสัญญาเช่ากันใหม่ต่อไป ไม่มีกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570 ไม่ได้ ในเมื่อไม่มีข้อเท็จจริงที่จะปรับกับบทกฎหมายดังกล่าวได้ และเมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยมีกำหนดเวลาเช่ากันไว้แน่นอน สัญญาเช่าสิ้นกำหนดแล้ว โจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้โดยมิพักต้องบอกกล่าวก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 564

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอาคารแผงลอยของโจทก์ที่ให้จำเลยเช่าและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า จำเลยทำสัญญาเช่าแผงลอยจากโจทก์จริง แต่มิได้ผิดสัญญาโจทก์เรียกค่าเสียหายไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่า จำเลยส่งค่าเช่าหรือค่าเสียหายให้โจทก์ภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีแล้ว
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยว่าสัญญาเช่ามีกำหนดเวลาแน่นอน จึงระงับลงโทษไม่ต้องบอกกล่าวก่อน พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฟ้องของโจทก์บรรยายไว้แล้วว่าเมื่อสิ้นกำหนดเวลาตามสัญญาเช่า โจทก์ได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลยแล้ว ข้อความดังที่จำเลยฎีกามาว่าจำเลยครอบครองทรัพย์ที่เช่าต่อมาโดยโจทก์รู้แล้วแต่ไม่ทักท้วงนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีไว้ในคำให้การ จึงไม่มีข้อเท็จจริงนี้ที่ได้ว่ากันมาแล้วแต่ศาลชั้นต้น ทั้งคดีนี้คู่ความจะอุทธรณ์ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ศาลฎีกาจะรับฟังและวินิจฉัยให้ไม่ได้ ส่วนที่โจทก์ได้รับเงินจากจำเลยไว้เมื่อโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยแล้ว ไม่ว่าจะเรียกว่าเงินค่าเช่าหรือค่าเสียหายก็จะถือว่าโจทก์จำเลยเป็นอันทำสัญญาเช่าใหม่ต่อไป ไม่มีกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๗๐ ไม่ได้ เพราะไม่มีข้อเท็จจริงที่จะปรับกับบทกฎหมายดังกล่าวได้ เมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยมีกำหนดเวลาเช่ากันไว้แน่นอน สัญญาเช่าสิ้นกำหนดแล้ว โจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้โดยมิพักต้องบอกกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๔
พิพากษายืน

Share