คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การของจำเลยกล่าวแต่เพียงว่า โจทก์ไม่ได้ส่งเงินให้แก่จำเลยตามสัญญาจำนอง สัญญาจำนองจึงเป็นโมฆะโดยมิได้ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะเหตุใดโจทก์จึงไม่ได้ส่งมอบเงินให้จำเลย นั้น เป็นคำให้การที่ขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177วรรคสอง มีผลทำให้จำเลยนำสืบต่อสู้คดีไม่ได้
สัญญาจำนองระบุว่า จำเลยได้รับเงินจากโจทก์ไปครบถ้วนแล้ว จำเลยจะนำสืบว่าไม่ได้รับเงินไปตามสัญญาจำนองก็นำสืบไม่ได้ เพราะเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารจำนองซึ่งระบุไว้ว่า จำเลยได้รับเงินตามสัญญาจำนองจากโจทก์ไปครบถ้วนแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. 2514 จำเลยกู้ยืมเงินไปจากโจทก์ 1,000,000บาท โดยจำนองที่ดินเป็นประกัน กำหนดไถ่ถอนภายใน 1 ปี ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.25 ต่อเดือน โดยชำระเป็นรายเดือนเริ่มแต่มกราคม 2515 หากผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยยอมให้โจทก์บังคับจำนองทันที และให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นได้ด้วย บัดนี้ก็ล่วงเลยกำหนดแล้ว จำเลยไม่เคยชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระต้นเงินดอกเบี้ย และค่าเสียหายตามสัญญาอีกร้อยละ 5 ของยอดเงินจำนอง

จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่ได้กู้เงินและรับเงินไปจากโจทก์ เพียงแต่ได้ให้ตัวแทนเสนอขอกู้เงินและไปทำสัญญาจำนองโดยโจทก์ยังไม่ได้ส่งเงินให้จำเลย สัญญากู้ไม่บริบูรณ์และทำให้สัญญาจำนองตกเป็นโมฆะไปด้วย โจทก์ยังไม่ได้บอกกล่าวบังคับจำนอง โจทก์ฟ้องบังคับจำนองไม่ได้และเรียกค่าเสียหายไม่ได้

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมและเชื่อว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์จริง เว้นแต่ค่าเสียหาย 50,000 บาท ที่โจทก์เรียกมานั้นไม่ให้เพราะจะเป็นการทำให้เลี่ยงข้อห้ามการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา โจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยโดยชอบแล้ว พิพากษาบังคับ

โจทก์และจำเลยต่างอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยให้การแต่เพียงลอย ๆ ว่าโจทก์ไม่ส่งมอบเงินให้จำเลยโดยไม่ได้ให้เหตุผลไม่มีประเด็นที่จะนำสืบว่าสัญญาจำนองไม่สมบูรณ์ ทั้งจะนำสืบว่ามิได้รับเงินก็เป็นการนำสืบแก้ไขข้อความในสัญญาจำนอง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เว้นแต่ค่าเสียหาย 50,000บาท ที่โจทก์เรียกมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นข้อสัญญาที่กำหนดค่าเสียหายในกรณีที่โจทก์ต้องฟ้องจำเลยบังคับจำนองไว้ในทำนองเบี้ยปรับ เป็นข้อผูกพันกันอีกส่วนหนึ่งไม่เกี่ยวกับดอกเบี้ยไม่เป็นการซ้ำซ้อนกับค่าฤชาธรรมเนียม จำเลยต้องรับผิด พิพากษาแก้โดยกำหนดค่าเสียหายให้ 20,000 บาท นอกนั้นยืนตามศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมส่วนที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้ส่งมอบเงินจำนวนนี้ให้จำเลยนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่จำเลยให้การปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ได้ส่งมอบเงินตามสัญญาจำนองให้แก่จำเลยนั้น เป็นคำให้การปฏิเสธลอย ๆ โดยมิได้ให้การว่าเพราะเหตุใดโจทก์จึงไม่ส่งมอบเงินให้จำเลย อันจะมีผลทำให้สัญญาไม่สมบูรณ์คำให้การของจำเลยเป็นการขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง มีผลทำให้จำเลยนำสืบต่อสู้คดีไม่ได้ ทั้งจะนำสืบแต่เพียงว่า ไม่ได้รับเงินตามสัญญาจำนองก็นำสืบไม่ได้เช่นกัน เพราะเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารสัญญาจำนอง ซึ่งระบุไว้ว่าจำเลยได้รับเงินตามสัญญาจำนองไปจากโจทก์ครบถ้วนแล้ว ต้องห้ามมิให้นำสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 จึงฟังว่าจำเลยได้รับเงินไปตามสัญญาจำนอง สัญญาจำนองสมบูรณ์ตามกฎหมาย จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาจำนอง เมื่อถึงกำหนดแล้วจำเลยผิดนัดและผิดสัญญาจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ และเห็นว่าโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองแล้วโดยชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์มานั้นชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share