คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3212/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สัญญาประกันชีวิต ซึ่งผู้เอาประกันชีวิตปกปิดความจริงเป็นโมฆียะ หากผู้รับประกันภัยนำสืบฟังไม่ได้ว่าได้บอกล้างแล้ว ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 100,000 บาท กับดอกเบี้ยแก่โจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 10ตุลาคม 2517 นายทองเพียว ตั้งดำเนินสวัสดิ์ ได้ทำสัญญาประกันชีวิตไว้กับจำเลยในแบบสินมัธยัสถ์ จำนวนเงินเอาประกัน 100,000 บาท โดยกำหนดให้โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ ปรากฏตามกรมธรรม์ประกันภัย เอกสารหมาย จ.1 ต่อมานายทองเพียวผู้เอาประกันชีวิตได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคเบาหวาน โลหิตจาง และเลือดออกจากทางเดินอาหาร เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2518 ปรากฏตามมรณบัตรเอกสารหมาย จ.8หลังจากนั้นโจทก์ได้ติดต่อขอรับเงินตามสัญญาประกันชีวิต แต่จำเลยไม่ยอมจ่ายให้

โจทก์ฎีกาตามประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ทั้ง 2 ข้อว่า ข้อเท็จจริงเชื่อไม่ได้ว่านายทองเพียวผู้เอาประกันชีวิตได้ปกปิดความจริงและแจ้งเท็จต่อนายแพทย์ผู้ทำการตรวจสุขภาพของจำเลย สัญญาประกันชีวิตจึงไม่ตกเป็นโมฆียะ และจำเลยยังไม่ได้บอกล้างสัญญาประกันชีวิตตามฟ้อง ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้วเห็นควรวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ในเรื่องการบอกล้างสัญญาประกันชีวิตก่อน สำหรับปัญหาข้อนี้ จำเลยนำพยานบุคคลเข้าสืบ 2 ปาก คื อนายสุวรรณ รื่นยศ กรรมการอำนวยการของบริษัทจำเลยซึ่งเบิกความว่า ได้มีหนังสือถึงโจทก์บอกปฏิเสธการจ่ายเงินและได้บอกล้างกรมธรรม์ประกันชีวิตไปด้วย โจทก์ได้รับหนังสือบอกล้างแล้ว กับนายดิลก ศรีสมบูรณ์ กรรมการและรองผู้จัดการบริษัทจำเลยซึ่งเบิกความว่าจำเลยได้มีหนังสือแจ้งบอกล้างสัญญาไปยังผู้รับประโยชน์ ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1/1 และผู้รับประโยชน์ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยก็มิได้นำพยานหลักฐานอื่นมาแสดงให้ปรากฏต่อศาลเลยว่าโจทก์ได้รับหนังสือบอกล้างของจำเลยแล้ว เช่น นำตัวผู้ส่งหนังสือบอกล้างมาเบิกความประกอบหรือแสดงใบรับทางไปรษณีย์เป็นหลักฐาน ส่วนฝ่ายโจทก์มีตัวโจทก์เบิกความยืนยันว่าไม่เคยได้รับหนังสือบอกล้างสัญญาประกันชีวิตของจำเลยคดีจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ส่งหนังสือบอกล้างสัญญาประกันชีวิตตามเอกสารหมาย ล.1/1 ให้แก่โจทก์แล้ว

เมื่อพยานหลักฐานของจำเลยยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้ส่งหนังสือบอกล้างสัญญาประกันชีวิตที่จำเลยอ้างว่าเป็นโมฆียะต่อโจทก์ คดีก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพิจารณาในข้อเท็จจริงที่ว่านายทองเพียวผู้เอาประกันชีวิตได้ปกปิดความจริงและแจ้งเท็จต่อนายแพทย์หรือไม่ เพราะแม้จะฟังข้อเท็จจริงว่าผู้เอาประกันชีวิตได้ปกปิดความจริงและแจ้งเท็จ ซึ่งทำให้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ แต่เมื่อไม่ได้มีการแสดงเจตนาบอกล้างโมฆียะกรรมนั้น โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว สัญญาประกันชีวิตที่เป็นโมฆียะก็ยังมีผลบังคับและจำเลยต้องรับผิดจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์ตามสัญญา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ฎีกาแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความสองศาลให้ 4,000 บาท”

Share