คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1656/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายนาพิพาทแล้วคู่ความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยยอมส่งมอบนาพิพาทให้โจทก์ กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1) แม้สัญญาประนีประนอมยอมความจะมีข้อความว่า จำเลยและบริวารจะไม่เกี่ยวข้องกับนาพิพาทต่อไป แต่บริวารของจำเลยก็มิได้ถูกฟ้องและมิได้ตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความด้วย โจทก์จะอาศัยสัญญาประนีประนอมยอมความนี้มาบังคับแก่บริวารของจำเลยด้วยมิได้ จึงไม่มีอำนาจร้องขอให้จับกุมและกักขังผู้ร้องซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นบริวารของจำเลยในการบังคับคดี

ย่อยาว

กรณีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2517 โจทก์ได้ฟ้องจำเลยขอให้ส่งมอบนาพิพาท ซึ่งเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายกับห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องต่อไป ต่อมาวันที่ 2 กันยายน 2517โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยยอมส่งมอบนาพิพาทให้โจทก์ เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวที่ปักดำไว้ในนาพิพาทปีนี้แล้ว จำเลยและบริวารจะไม่เกี่ยวข้องกับนาพิพาทต่อไป ศาลได้พิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว

ต่อมาประมาณ 1 ปีเศษ โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลว่า โจทก์จะเข้าทำนาพิพาท แต่จำเลยกลับให้บริวารคือนายคำแดง วงศ์แสง ผู้ร้อง นายแพงบุตรจำเลย นายสังข์ญาติจำเลยและนายสมัย บุตรเขตจำเลยเข้าทำนาพิพาทโจทก์ห้ามปรามก็ไม่เชื่อฟัง การกระทำของจำเลยและบริวารเป็นการขัดขืนไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาล ขอให้จำเลยกับบริวาร ศาลได้ออกหมายเรียกจำเลยและบริวารทั้งที่มาสอบถาม แล้วมีคำสั่งให้กักขังนายคำแดง นายแพงและนายสมัย ในฐานะเป็นบริวารของจำเลยจนกว่าบุคคลทั้งสามจะยอมปฏิบัติตามคำบังคับของศาล ส่วนนายสังข์รับว่าจะออกจากนาพิพาทจึงให้ปล่อยตัวไป

นายคำแดงผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยได้ยกนาพิพาทให้ผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องได้ครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมา การที่ผู้ร้องครอบครองนาพิพาทจึงมิได้ครอบครองในฐานะเป็นบริวารของจำเลย พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่ง ศาลชั้นต้นที่ให้กักขังนายคำแดงผู้ร้อง

โจทก์ฎีกาว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วเห็นสมควรวินิจฉัยในเบื้องต้นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้กักขังนายคำแดงผู้ร้องในฐานะเป็นบริวารของจำเลยนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายนาพิพาทแล้วคู่ความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยยอมส่งมอบนาพิพาทให้โจทก์ กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1) แม้สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า จำเลยและบริวารจะไม่เกี่ยวข้องกับนาพิพาทต่อไป แต่บริวารของจำเลยก็มิได้ถูกฟ้องและมิได้ตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความด้วยโจทก์ จะอาศัยสัญญาประนีประนอมยอมความนี้มาบังคับแก่บริวารของจำเลยด้วยมิได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจร้องขอให้จับกุมและกักขังผู้ร้องซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นบริวารของจำเลย ศาลฎีกาเห็นด้วยในผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีไม่จำต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share