คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตกลงขายเรือนกันโดยวิธีผ่อนส่ง ในสัญญาข้อหนึ่ง ผู้ขายรับรองว่าเมื่อผู้ซื้อส่งเงินครบแล้ว ผู้ขายจะอนุญาตให้ผู้ซื้อรับโอนการเช่าที่ดินรายที่ปลูกเรือนพิพาทด้วยดังนี้ เมื่อผู้ขายได้รับเงินครบถ้วนแล้ว ผู้ขายก็ย่อมมีหน้าที่ต้องโอนการเช่าให้ผู้ซื้อ การที่ผู้ซื้อขอผัดเพื่อสอบเขต หรือขอแถลงรับการโอนช้าไปบ้างนั้นไม่เป็นเหตุที่จะถือว่าผู้ซื้อผิดนัดถึงแก่ทำให้ผู้ขายหมดหน้าที่ไปได้

ย่อยาว

โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันมีใจความสำคัญว่า จำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์ 2,750 บาทด้วยการผ่อนส่งโดยมีกำหนดโจทก์ยอมให้กรรมสิทธิ์เรือนหมายเลขที่ 33 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่โจทก์เช่าจากกรมการศาสนา ให้แก่จำเลย และเมื่อจำเลยผ่อนชำระเงินครบถ้วนแล้ว โจทก์จะอนุญาตให้จำเลยรับโอนการเช่าที่ดินรายนี้ศาลพิพากษาและบังคับคดีตามที่ยอมกัน จำเลยชำระเงินงวดสุดท้ายไปแล้ว โจทก์มาร้องว่า จำเลยไม่รับโอนการเช่า ขอให้บังคับจำเลยให้รับโอนการเช่า ศาลนัดพร้อมกัน จำเลยแถลงว่าจำเลยจะรับโอนเหมือนกัน แต่ปรากฏว่า เนื้อที่ดินน้อยกว่าที่โจทก์เช่า จำเลยกำลังยื่นคำร้องต่อกรมการศาสนาอยู่แล้ว จึงขอเวลา 15 วัน แล้วจะแถลงให้ศาลทราบว่าจะรับโอนสิทธิรายนี้หรือไม่ ศาลได้นัดวันที่ 8 กันยายน เวลา 13.00 น. จำเลยไม่แถลงตรงตามเวลา แต่ได้ยื่นในเวลา 14.00 น. ว่าจะยอมรับโอนการเช่าให้เสร็จไป

รุ่งขึ้นโจทก์มายื่นฟ้องคดีนี้ว่า การที่โจทก์โอนการเช่าที่ให้จำเลยนั้นเป็นเพียงคำมั่น ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะเพิกถอนได้ โจทก์จึงขอให้เพิกถอนคำมั่นเสีย และให้จำเลยรื้อเรือนออกจากที่ดินรายพิพาทกับเรียกค่าเสียหายด้วย

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาให้ยกฟ้องเช่นเดียวกัน

โจทก์ฎีกาว่า ตามสัญญาข้อ 3 เป็นคำมั่นหรือคำเสนอ เมื่อจำเลยไม่สนองรับ โจทก์ก็ย่อมหมดสิทธิในคำมั่นนั้น

ศาลฎีกาเห็นว่า ในสัญญาข้อ 3 ซึ่งมีข้อความว่า โจทก์รับรองว่า เมื่อจำเลยผ่อนส่งเงินครบถ้วนตามข้อ 1 แล้ว จะอนุญาตให้จำเลยรับโอนการเช่าที่ดินรายที่ปลูกเรือนพิพาทด้วย ก็เมื่อโจทก์ได้รับเงินครบถ้วนแล้ว โจทก์ก็ย่อมมีหน้าที่ต้องโอนการเช่าให้จำเลยส่วนการที่จำเลยขอผัดเพื่อสอบเขตหรือขอแถลงรับการโอนต่อศาลช้าไปเพียง 1 ชั่วโมงนั้น ไม่เป็นเหตุที่จะถือว่า จำเลยผิดนัดถึงแก่ทำให้โจทก์หมดหน้าที่ไปได้

จึงพิพากษายืน

Share