แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ที่มีชื่อในเอกสารร้องขอเป็นเจ้าของและผู้จัดการโรงเรียนราษฎร์ซึ่งทางการอนุญาตแล้วนั้น สันนิษฐานว่าเป็นผู้ครอบครองโรงเรียนนั้นจึงย่อมถูกเจ้าของสถานที่ที่ตั้งโรงเรียนฟ้องขับไล่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหรือตัวแทนได้ครอบครองตึก หรือโรงเรียนสิ่งปลูกสร้างพร้อมกับที่ดินของโจทก์โดยใช้ทำเป็นโรงเรียนราษฎร์โดยไม่มีอำนาจ ขอให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหาย จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยหรือตัวแทนไม่ได้ครอบครองโรงเรียนและที่ดินรายนี้ ซ.เช่าช่วงมาโดยโจทก์รู้เห็นยินยอม ข้อเท็จจริงปรากฏตามเอกสาร 4 ฉบับว่าจำเลยเป็นผู้จัดการโรงเรียนราษฎร์และทางการได้อนุญาตแล้ว คู่ความรับกันว่า โรงเรียนราษฎร์ตามเอกสารเหล่านั้น คือตึกและโรงเรียนตามแผนที่ท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นของโจทก์ เวลานี้ยังใช้เป็นโรงเรียนอยู่ โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน และโจทก์ถอนข้อค่าเสียหายเพื่อไปดำเนินคดีอีกต่างหาก
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยจะเถียงฝืนเอกสารไม่ได้ และจำเลยไม่ได้ต่อสู้ในเรื่องสิทธิในการใช้สถานที่ ไม่มีประเด็นวินิจฉัยพิพากษาให้ขับไล่จำเลยห้ามเกี่ยวข้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จะถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองด้วยหาได้ไม่โรงเรียนดังกล่าวไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล จำเลยปฏิเสธข้อเข้าครอบครอง และโจทก์ไม่สืบให้สม พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามเอกสาร 4 ฉบับนั้น เป็นหลักฐานพอที่จะให้ลงความสันนิษฐานได้แล้วว่า จำเลยเป็นผู้ครอบครองโรงเรียนรายนี้ เพราะจำเลยเป็นเจ้าของและผู้จัดการโดยไม่มีผู้โต้แย้งตามนิตินัยผู้เป็นเจ้าของย่อมมีสิทธิที่จะครอบครองทรัพย์สินด้วยตนเอง หรือมอบให้ผู้อื่นครอบครองแทน ปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้จัดการโรงเรียนด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษากลับ ให้บังคับคดียืนตามศาลชั้นต้น