แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2480 บัญญัติว่า ” ยานพาหนะ ” หมายถึงสิ่งใด ๆ ที่ใช้สำหรับขนส่งจากที่แห่งหนึ่งไปยังที่อีกแห่งหนึ่ง ฉะนั้นถ้ามีผู้นำเรือถ่อโดยมิได้ใช้ขนส่งอะไรออกนอกประเทศและเข้าในประเทศโดยมิได้แจ้งกำหนดเรืออกจากท่าก็ดี เรือเข้ามาถึงท่าแล้ว ไม่ไปรายงานต่อเจ้าพนักงานก็ดี ก็ไม่เป็นผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2480
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลยเป็นผู้ควบคุมเรือถ่อซึ่งเป็นยานพาหนะ เมื่อวันที ๑ พฤษภาคม ๒๔๙๓ เวลากลางวัน จำเลยได้กระทำผิด คือ จำเลยไม่แจ้งกำหนดวันเวลาที่เรือถ่ออันเป็นยานพาหนะของจำเลยจะออกจากท่าเรือสถานีในราชอาณาจักรไทยเพื่อไปต่างประเทศต่อเจ้าพนักงาน ก่อนที่ยานพาหนะของจำเลยจะออกจากท่าเรือหรือสถานี ภายในเวลาที่เจ้าพนักงานกำหนดไว้และเมื่อเรือถ่อ ซึ่งเป็นยานพาหนะที่จำเลยควบคุมนี้ กลับมาจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จำเลยไม่ไปรายงานต่อเจ้าพนักงาน ณที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองที่ใกล้ที่สุด ฯลฯ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๔๘๐ มาตรา ๔,๖,๔๐
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ ไม่ปรากฎว่าจำเลยใช้เรือนี้รับจ้างหรือบรรทุกคนหรือสิ่งของ จำเลยเป็นคนไทย มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยไปและกลับในวันเดียว ระยะทางไปมาก็ชั่วประเดี๋ยวเดียว ไม่น่าจะถือว่าเป็นการไปต่างประเทศและเข้ามาในราชอาณาจักรไทยอันพึงจะปฏิบัติตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมืองที่โจทก์อ้าง จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๔๘๐ ที่โจทก์อ้างนี้ ตามมาตรา ๔ บัญญัติว่า ” ยานพาหนะ ” หมายความถึงสิ่งใด ๆ ที่ใช้สำหรับ การขนส่งจากที่แห่งหนึ่ง ไปยังที่อีกแห่งหนึ่ง คดีนี้ไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ใช้เรือขนส่งแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่มีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
จึงพิพากษายืน