แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฎีกาของจำเลยมี ล. ทนายความลงชื่อในฐานะทนายจำเลยพฤติการณ์น่าเชื่อว่า จำเลยได้แต่ง ล. เป็นทนายความของจำเลยในคดีนี้แล้วจริง เมื่อปรากฏว่าใบแต่งทนายความสำหรับ ล. ไม่มีอยู่ในสำนวน ศาลก็มีอำนาจที่จะอนุญาตให้แก้ไขจัดทำเสียให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อจำเลยได้แต่ง ล. เข้ามาภายหลังแล้ว ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยฎีกาจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเข้าหุ้นกันดำเนินกิจการโรงภาพยนตร์ จำเลยประพฤติผิดสัญญา ไม่ยอมให้โจทก์เข้าควบคุมดูแลการบริหารงาน ทำให้โจทก์เสียหาย 50,000 บาท ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง และค่าเสียหายวันละ30,000 บาท จากวันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะยุติการกระทำผิดสัญญา
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยมิได้ผิดสัญญาไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่นำเงินมาลงหุ้นจึงเป็นเหตุให้กิจการขาดทุนและเป็นหนี้ซึ่งโจทก์ต้องรับผิดใช้หนี้ตามส่วนด้วยรวมเป็นเงิน 300,000 บาท ขอให้ศาลบังคับให้โจทก์ใช้เงิน 300,000 บาท และให้โจทก์รับผิดต่อไปจนกว่าจะเลิกหุ้นส่วน ห้ามโจทก์ดำเนินกิจการตามลำพัง ให้จำเลยดำเนินการผู้เดียว หรือมิฉะนั้นให้เลิกหุ้นส่วน
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ความเสียหายที่จำเลยฟ้องแย้งเกิดขึ้นเพราะการกระทำผิดพลาดของจำเลยทำขึ้นโดยพลการ โจทก์ไม่ต้องร่วมรับผิด หนี้สินจำเลยกล่าวอ้างขึ้นไม่เป็นความจริง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น คู่ความทั้งสองฝ่ายท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงประเด็นข้อเดียวว่า โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนกันโดยชอบ โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เป็นข้อแพ้ชนะ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง 1,000 บาท และค่าเสียหายอีกวันละ 3,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะยุติการกระทำผิดสัญญาแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับระหว่างฎีกา
ศาลฎีกาสั่งยกคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยโดยอ้างว่าไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แต่งตั้งนายลิขิตผู้ลงชื่อในคำร้องเป็นทนายจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาว่า จำเลยได้ลงชื่อแต่งตั้งให้นายลิขิตเป็นทนายจำเลยตั้งแต่ศาลแพ่ง แต่ไม่ทราบว่าใบแต่งทนายดังกล่าวสูญหายหรือตกหล่น ณ ที่ใด จึงขอให้สัตยาบันแก่การกระทำใด ๆ ของนายลิขิต ที่เข้าดำเนินคดีเป็นทนายความให้จำเลยตั้งแต่ต้นตลอดจนศาลฎีกา พร้อมทั้งได้แต่งตั้งนายลิขิตเป็นทนายความตามใบแต่งทนายที่ยื่นมาพร้อมกับคำร้อง
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่าฎีกาของจำเลยซึ่งนายลิขิตทนายความเป็นผู้ลงชื่อในฎีกาในฐานะทนายจำเลย ศาลชั้นต้นก็ได้สั่งรับฎีกาไว้และส่งมายังศาลฎีกาตามปกติ ไม่ปรากฏว่ามีข้อทักท้วงฝ่ายโจทก์ก็มิได้โต้แย้งคัดค้านประการใดในเหตุนี้ พฤติการณ์ทั้งหลายเป็นเหตุผลทำให้น่าเชื่อว่า จำเลยได้แต่งนายลิขิตเป็นทนายความของจำเลยในคดีนี้ไว้แล้วจริง เมื่อปรากฏว่าใบแต่งทนายความสำหรับนายลิขิตไม่มีอยู่ในสำนวน ศาลก็มีอำนาจที่จะอนุญตให้แก้ไขจัดทำเสียให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ทั้งนี้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 136/2501 นายชวน รัตนรักษ์ หรือบักชวน แซ่ลี้ โจทก์ นายวีระ วีระสุคนธ์ จำเลย บัดนี้จำเลยได้แต่งนายลิขิตเป็นทนายจำเลยเรียบร้อยแล้ว จะได้วินิจฉัยฎีกาจำเลยต่อไป ในชั้นนี้มีประเด็นที่จะวินิจฉัยเพียงข้อเดียวตามที่โจทก์จำเลยท้ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ขอให้วินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนกันโดยชอบ โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่เป็นข้อแพ้ชนะ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยเป็นหุ้นส่วนร่วมกับโจทก์ตามสัญญาเข้าหุ้นส่วนท้ายฟ้อง จำเลยให้การรับว่าเป็นหุ้นส่วนร่วมกับโจทก์และรับรองสัญญาท้ายฟ้องโจทก์ เพียงแต่ปฏิเสธความรับผิดในเรื่องค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้อง โจทก์จำเลยจึงเป็นหุ้นส่วนกันตามคำท้า จำเลยต้องแพ้คดีโจทก์
พิพากษายืน