คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3141/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้ยิงปืนออกไป 3 นัด ติดๆกัน ในขณะที่ชุลมุนแย่งปืนกับผู้เสียหายกระสุนปืนนัดหนึ่งถูกที่แก้มขวาบริเวณขากรรไกรของผู้เสียหาย นัดหนึ่งถูกฝาระเบียงด้านในอีกนัดหนึ่งทะลุพื้นกระดาน ดังนี้ เห็นว่าในสถานการณ์เช่นนี้จำเลยย่อมไม่มีโอกาสเลือกยิงผู้เสียหายให้ถูกที่อวัยวะสำคัญได้ เมื่อผู้เสียหายฟุบลงกันพื้นแล้ว จำเลยยังมีกระสุนอยู่ในรังเพลิงปืนอีก 2 นัด จำเลยย่อมมีโอกาสยิงซ้ำได้ จำเลยก็หาได้ฉวยโอกาสนั้นเลือกยิงผู้เสียหายซ้ำอีกไม่ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้พกพาอาวุธปืนพกขนาด .๓๘ จำนวน ๑ กระบอก ซึ่งจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้พร้อมกระสุนจำนวน ๕ นัด ไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และจำเลยได้ใช้อาวุธปืนนั้นยิงนายศัลวิทย์ผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่ากระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่แก้มขวาทะลุเข้าขากรรไกรขวางได้รับอันตรายสาหัส จำเลยได้กระทำไปตลอดแล้วยังไม่บรรลุผล ผู้เสียหายจึงยังไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๓๗๑,๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ ให้ปรับ ๑๐๐ บาท ไม่ชำระจัดการตามมาตรา ๒๙,๓๐ ริบของกลาง ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๘๐ อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุกจำเลย ๑๐ ปี ลดโทษ ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๗๘ แล้วคงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด ๖ ปี ๘ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกับผู้เสียหายเคยเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมายแต่หย่าขาดจากกันแล้ว วันเกิดเหตุจำเลยไปพบผู้เสียหายที่บ้านพูดขอให้ผู้เสียหายไปโอนบ้านให้ลูก แล้วเกิดโต้เถียงกัน จำเลยใช้มือขวาซึ่งถือกุญแจรถอยู่ด้วยฟาดไปที่บริเวณหัวไหล่ของผู้เสียหาย ผู้เสียหายใช้มือเค้นคอจำเลย จำเลยพยายามเอากุญแจรถที่ถืออยู่ในมือขวาใส่ลงในกระเป๋าถือของจำเลยที่คล้องอยู่ที่มือซ้าย เมื่อกระเป๋าถือเปิดอ้าออกผู้เสียหายเห็นปืนในกระเป๋าถือทั้งผู้เสียหายและจำเลยต่างเอามือล้วงลงในกระเป๋าถือเพื่อหยิบปืน จำเลยหยิบปืนได้ก่อนผู้เสียหายพยายามจะแย่งปืนจากจำเลย โดยใช้มือขวาบิดข้อมือของจำเลยซึ่งถือปืนอยู่ จำเลยได้เหนี่ยวไกปืนยิงออกไป ๓ นัดติดๆ กัน ในขณะที่ชุลมุนแย่งปืนกับผู้เสียหาย กระสุนปืนนัดหนึ่งถูกที่แก้มขวาบริเวณขากรรไกรของผู้เสียหายนัดหนึ่งถูกฝาระเบียงด้านใน อีกนักหนึ่งทะลุพื้นกระดาน แล้วผู้เสียหายฟุบลงกับพื้น ดังนี้ เห็นว่าในสถานการณ์เช่นนี้จำเลยย่อมไม่มีโอกาสเลือกยิงผู้เสียหายให้ถูกที่อวัยวะสำคัญได้ เมื่อผู้เสียหายฟุบลงกับพื้นแล้วจำเลยยังมีกระสุนอยู่ในรังเพลิงปืนอีก ๒ นัด จำเลยย่อมมีโอกาสยิงซ้ำได้ จำเลยก็หาได้ฉวยโอกาสนั้นเลือกยิงผู้เสียหายซ้ำอีกไม่ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวข้างต้น จำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายแล้วปรากฏว่าผู้เสียหายนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ๑๐ วัน แล้วกลับมารักษาตัวที่บ้านอีก ๒-๓ เดือน จำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายรับอันตรายสาหัส
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ จำคุก ๒ ปี เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งคดีแล้วให้รอการลงโทษจำเลยไว้มีกำหนด ๕ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share