คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2699/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ค่าภาษีอากรซึ่งเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งจำนวนที่จะต้องชำระเพิ่มไปยังลูกหนี้แล้ว ลูกหนี้มิได้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ หรือลูกหนี้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้ยกอุทธรณ์ลูกหนี้ทราบคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ แล้วไม่ยื่นฟ้องต่อศาลภายในกำหนดตามมาตรา 30 แห่งประมวลรัษฎากร ถือว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินยุติแล้ว ลูกหนี้หมดสิทธิที่จะรื้อฟื้นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินขึ้นโต้แย้งต่อไป และต้องรับผิดชำระหนี้ค่าภาษีนั้น

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากศาลชั้นต้นสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจสอบคำขอรับชำระหนี้แล้วมีความเห็นว่า กรมสรรพากรเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ควรได้รับชำระหนี้ ๒,๐๔๙,๐๓๙,๔๕ บาทตามคำขอ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วให้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวน
ลูกหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เป็นเงิน ๑๒,๘๗๙.๒๓ บาท
เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่าเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ควรได้รับชำระหนี้เต็มจำนวน ๒,๐๔๘๙,๐๓๙.๔๕ บาท ตามคำขอรับชำระหนี้หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ค่าภาษีอากรในหนี้จำนวนแรก ๓๙,๑๕๘.๗๙ บาท เจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งจำนวนเงินที่จะต้องชำระอีกไปยังลูกหนี้แล้ว ลูกหนี้มิได้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ส่วนจำนวนที่สอง ๒,๐๐๙,๘๘๐.๖๖ บาท ลูกหนี้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คณะกรรการฯ ให้ยกอุทธรณ์ ลูกหนี้ทราบคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ แล้ว ไม่ยื่นฟ้องต่อศาลภายในกำหนดตามมาตรา ๓๐ แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้ ถือว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินยุติแล้ว ลูกหนี้หมดสิทธิที่จะรื้อฟื้นการประเมินของเจ้าพนกังานประเมินขึ้นโต้แย้งต่อไปและต้องรับผิดชำระหนี้ค่าภาษีนั้น
พิพากษาแก้เป็นว่า อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวน ๒,๐๔๙,๐๓๙.๔๕ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share