คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3204/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกอีก 5 คนร่วมกันจับเอาตัวผู้ตายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ระหว่างผู้ตายถูกพวกของจำเลยควบคุมตัวไว้เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่นั้น พวกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ฆ่าผู้ตายเพระาเหตุที่ผู้ตายไม่ยอมเขียนจดหมายเพื่อให้บุตรผู้ตายนำเงินมาไถ่ตัว แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้รู้เห็นในการฆ่าด้วย ก็ต้องถือว่าเนื่องด้วยการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ที่ 2 นั้นเองเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 ที่ 2 ต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคท้าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๑๙ เวลากลางวันจำเลยทั้งสองกับพวกที่ถูกเจ้าพนักงานยิงตายไปแล้ว ๒ คน และที่หลบหนีอีก ๓ คน รวมทั้งหมด ๗ คน เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ได้ร่วมกันโดยไตร่ตรองไว้ก่อนวางแผนบังอาจจับเอาตัวนายหยุ่นหลิน หรือสุข อายุกว่าสามสิบปีไป โดยใช้ปืนมีดเป็นอาวุธขู่เข็ญว่าจะยิงแทงประทุษร้ายร่างกายนายหยุ่นหลินหรือสุขให้ตายถ้าขัดขืน จนนายหยุ่นหลินหรือสุขมีความกลัวจากการกระทำของจำเลยและพวก แล้วจำเลยกับพวกได้ฉุดกระชากเอาตัวนายหยุ่นหลินหรือสุขไป ระหว่างวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๑๙ เวลากลางวันติดต่อกันตลอดมาถึงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๑๙ เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองกับพวกดังกล่าวได้หน่วงเหนี่ยวกักขังนายหยุ่นหลินหรือสุขโดยใช้โซ่ล่ามทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เพื่อเรียกค่าไถ่จากนางกาญจนาบุตรนายหยุ่นหลิน ระหว่างวันเวลาดังกล่าวจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันเขียนจดหมายติดต่อนางกาญจนาเรียกค่าไถ่ตัวนายหยุ่นหลินหรือสุขเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ถ้าได้เงินค่าไถ่จะปล่อยตัวนายหยุ่นหลินหรือสุข แต่นางกาญจนาไม่ยอมให้ค่าไถ่แก่จำเลยทั้งสองกับพวกตามที่เรียกร้อง วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๑๙ เวลากลางวันพวกของจำเลยซึ่งถูกเจ้าพนักงานยิงตายไปแล้วและที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้บังอาจร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายหยุ่นหลินหรือสุขโดยเจตนาฆ่าจนนายหยุ่นหลินหรือสุขได้ถึงแก่ความตายเนื่องด้วยการกระทำผิดของจำเลยทั้งสองที่ร่วมกันพาเอาตัวนายหยุ่นหลินหรือสุขไป และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังนายหยุ่นหลินหรือสุขเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่เหตุเกิดที่ตำบลปากแคว อำเภอเมืองสุโขทัย ตำบลบ้านไร่และตำบลนาขุนไกร อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัยเกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๙,๓๑๐,๓๑๓,๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๑ ขอให้ริบอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ กระทำผิดจริงตามฟ้อง แต่ขณะที่นายหยุ่นหลินหรือสุขถูกฆ่านั้นจำเลยที่ ๒ มิได้อยู่ที่เกิดเหตุด้วย และจำเลยที่ ๒ มิได้เจตนาฆ่าไม่ประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลที่พวกจำเลยได้ฆ่านายหยุ่นหลินหรือสุข และมิใช่เป็นผลธรรมดาที่เกิดขึ้นได้อันจะทำให้จำเลยที่ ๒ ต้องรับโทษหนักขึ้น ส่วนพยานโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ มีข้อสงสัยควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ ๑ พิพากษาว่าจำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๙,๓๑๐,๓๑๓,๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๐ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๓ วรรคแรก ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด วางโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ มีการกำหนด ๑๘ ปี จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนมีประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ คงจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑๒ ปี ของกลางริบ ยกฟ้องจำเลยที่ ๑
โจทก์และจำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ กระทำผิดตามฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยทั้งสองร่วมกับพวกไปจับตัวนายหยุ่นหลินหรือสุขนำขึ้นรถไปเรียกค่าไถ่ และนำไปหน่วงเหนี่ยวกักขัง นับว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองร่วมกับพวกกระทำผิดสำเร็จแล้ว การที่ผู้กระทำผิดจะได้รับโทษหนักขึ้นจึงย่อมเป็นผลที่ธรรมดาย่อมเกิดขึ้นได้ ดังเช่นกรณีนี้ แม้จะฟังว่าจำเลยทั้งสองไม่รู้เห็นในการที่นายหยุ่นหลินหรือสุข ถูกพวกของจำเลยฆ่าก็ตาม ย่อมนับเป็นเหตุที่ทำให้นายหยุ่นหลินหรือสุขต้องถึงแก่ความตาย ซึ่งสืบเนื่องมาจากการกระทำของจำเลยทั้งสองได้ร่วมกับพวกไปจับตัวนายหยุ่นหลินหรือสุข เพื่อเรียกค่าไถ่โดยตรง จำเลยทั้งสองจึงต้องรับโทษหนักขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๓ พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๙,๓๑๐,๓๑๓,๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๔ ข้อ ๑๑ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๓ วรรคท้าย ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดให้ประหารชีวิตจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ แต่มีเหตุบรรเทาโทษเพราะจำเลยทั้งสองรับสารภาพในชั้นสอบสวน ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบด้วยมาตรา ๕๒ (๑) ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ไว้ตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายที่ร่วมกับพวกจับเอาตัวของนายหยุ่นหลินหรือสุขไปเพื่อเรียกเอาค่าไถ่และได้หน่วงเหนี่ยวกักขังไว้เพื่อรอเรียกเอาค่าไถ่ ระหว่างนั้นพวกของจำเลยได้ฆ่านายหยุ่นหลินหรือสุข เพราะเหตุที่นายหยุ่นหลินหรือสุขไม่ยอมเขียนจดหมายถึงบุตรสาวเพื่อให้นำเงินมาไถ่ โดยจำเลยทั้งสองไม่ได้อยู่ด้วยในขณะที่พวกของจำเลยทำการฆ่า
วินิจฉัยข้อกฎหมายว่า เนื่องด้วยการกระทำผิดของจำเลยทั้งสองนี้เป็นเหตุให้นายหยุ่นหลินหรือสุขถึงแก่ความตายเพราะถูกพวกของจำเลยฆ่า จำเลยทั้งสองต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๓ วรรคท้าย
พิพากษายืน.

Share