แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 เข้าไปนั่งในรถแล้วใช้ปืนจี้ขู่บังคับให้ ส. ซึ่งเป็นคนขับรถนั่งเฉยๆและให้เอามือวางไว้ที่พวงมาลัยจน ส. เกิดความ กลัวจำต้องปฏิบัติตามโดยยอมนั่งเฉยๆและต้องเอามือวางไว้ที่พวงมาลัย ตามที่จำเลยข่มขืนใจให้กระทำ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จ ตามมาตรา 309 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ได้เข้าแย่งและฉุดเด็กชาย ฉ. อายุ 8 ปี ไปจากนางสาว ส. ซึ่งเป็นผู้ดูแลโดยใช้วิธีเข้าดึงตัวเด็กและพยายามจะจับตัวอุ้มไป แต่นางสาว ส. ดึงตัวเด็กไว้ได้และร้องขอความช่วยเหลือจำเลยที่ 2 จึงได้ปล่อยและหนีไปโดยพรากเอาตัวเด็กไปไม่ได้ เป็นการกระทำไปไม่ตลอดการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317,80
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 , 313, 317, 80, 83, 91 และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2, 11, 12
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
นายณรงค์ผู้เสียหายร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นส่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามมาตา 309กระทงหนึ่ง และ 317, 80 อีกกระทงหนึ่ง ลดมาตราส่วนโทษแล้ววางโทษกระทงความผิดแรกจำคุกคนละ 2 ปี กระทงความผิดหลังจำคุกคนละ 3 ปี ของกลางริบ
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกาโดยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ผู้ลงชื่อในคำพิพากษารับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต่อมาจำเลยที่ 2 ที่ 3 ขอถอนฎีกา ศาลฎีกาสั่งอนุญาต
คดีคงมีปัญหาชั้นฎีกาเฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกระทำความผิดจริง และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายต่อไปว่า การที่จำเลยที่ 1 เข้าไปนั่งในรถแล้วใช้ปืนจี้ขู่บังคับให้นายสมพลนั่งเฉย ๆ และให้นายสมพลเอามือวางไว้ที่พวงมาลัยจนนายสมพลเกิดความกลัวจำต้องปฏิบัติตามโดยยอมนั่งเฉย ๆ และต้องเอามือวางไว้ที่พวงมาลัยตามที่จำเลยที่ 1 ได้ข่มขืนใจให้กระทำ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพตามมาตรา 309 แห่งประมวลกฎหมายอาญาแล้ว และการที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ได้เข้าแย่งและฉุดเด็กชายฉัตรชัยอายุ 8 ปีไปจากนางสาวสุภาภรณ์ซึ่งเป็นผู้ดูแลโดยใช้วิธีดึงเด็กชายฉัตรชัยไว้ได้และได้ร้องขอความช่วยเหลือ จำเลยที่ 2 จึงปล่อยและหนีไปโดยพรากเอาตัวเด็กชายฉัตรชัยไปไม่ได้ เป็นการกระทำไปไม่ตลอด การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317, 80
พิพากษายืน