แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้จำนำกระบือไว้กับผู้เสียหาย จำเลยได้นำเงินไปขอไถ่กระบือคืน ผู้เสียหายไม่ยอมให้ไถ่ จำเลยได้เอาเงินค่าไถ่กระบือวางไว้ให้แล้วจำเลยต้อนกระบือของจำเลยที่จำนำไว้นั้นไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาทุจจริต ไม่มีผิดฐานลักทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องข้อหาฐานทำร้ายร่างกาย โจทก์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงในข้อหาฐานทำร้ายร่างกาย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทั้งสองสมคบกันปล้นกระบือของนายเปล่ง และพวกของจำเลยได้ทำร้ายนายเปล่ง กับภรรยาบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษ จำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ ๓ ปี ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๖ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นายนวนจำเลยจำนำกระบือไว้กับนายเปล่ง ๖๐๐ บาทท ต่อมาขอไถ่ นายเปล่งไม่ยอมให้ไถ่ นายนวนได้ไปอีกเป็นครั้งที่สอง ชวนผู้อื่นและนายตาลูกจ้างของนายนวนไปด้วย นายเปล่งไม่ยอมให้ไถ่ อ้างว่ายังมีหนี้อยู่อีกรายหนึ่ง ให้นายนวนชำระพร้อมกับเงิน ๖๐๐ บาท จึงจะยอมให้ไถ่ นายเปล่งกับนายนวนเกิดโต้เถียงกัน นายนวนเอาเงิน ๖๐๐ บาทวางไว้ให้ แล้วลงเรือนมาต้อนกระบือ ๓ ตัวของนายนวนที่จำนำไว้นั้น เอาออกนอกบ้านนายเปล่ง นายตาลูกจ้างเข้าช่วยนายนวน ดังนี้ นายนวนและนายตาไม่มีเจตนาทุจจริต ไม่เป็นผิดฐานลักทรัพย์หรือปล้นทรัพย์
ส่วนข้อหาฐานทำร้ายร่างกาย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยก ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
พิพากษายืน.