คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

++ เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ++
++ ทดสอบทำงานในเครื่อง เพื่อค้นหาข้อมูลทาง online ก่อนพิมพ์จริง ++
++ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ++
++ ความผิดฐานให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก 1 ปี 4 เดือนจึงเป็นความผิดที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยฎีกาว่าที่พยานโจทก์อ้างว่า จำเลยให้สินบนแก่เจ้าพนักงานเพื่อมิให้จับกุมนางดวงใจ แสงอาวุธ ซึ่งเป็นภริยาของจำเลย เป็นพฤติการณ์ที่เป็นพิรุธไม่น่าเชื่อเพราะไม่มีเหตุจูงใจที่จำเลยจะต้องทำเช่นนั้น เป็นการฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ที่เชื่อว่าจำเลยได้มอบเงินจำนวน 18,450 บาท ให้แก่ร้อยตำรวจโทคมกริช ศรีสองเมือง เพื่อไม่ให้จับกุมจำเลย จึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ++
++ ส่วนความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ฐานจำหน่ายเฮโรอีน ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน แม้ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวและเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทที่มีอัตราโทษเท่ากันตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่ง ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว จำคุก 4 ปี ต่างจากที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำต่างกรรมกัน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุก 3 ปีก็ตาม แต่ก็เป็นการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย และโทษที่ศาลอุทธรณ์จำคุกจำเลยก็ไม่เกิน5 ปี ความผิดส่วนนี้จึงเป็นความผิดที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งเช่นกัน การที่จำเลยฎีกาว่า นอกจากสิบตำรวจตรีโกมินทร์ สุวรรณฤกษ์พยานโจทก์อื่นไม่มีผู้ใดเห็น การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของจำเลย แต่อย่างใด ทั้งเมื่อพิจารณาจำนวนเมทแอมเฟตามีน 92 เม็ดและเฮโรอีน 5 หลอด นั้นรวมกันแล้วต้องใช้เงินล่อซื้อเกือบ 30,000 บาทการที่สิบตำรวจตรีโกมินทร์มีเงินไปล่อซื้อเพียง 10,000 บาท จำเลยคงไม่ยอมจำหน่ายให้แน่นอน แต่เป็นเรื่องที่มีการสร้างพยานหลักฐานขึ้นมาให้น่าเชื่อถือเท่านั้น ทั้งบันทึกเอกสารหมาย จ.3 จ.4 และ จ.5ก็มีข้อบกพร่องเป็นพิรุธ พยานหลักฐานของโจทก์ไม่อาจรับฟังได้นั้นเป็นการฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 8ที่วินิจฉัยเชื่อว่า จำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนให้แก่สิบตำรวจตรีโกมินทร์ที่ปลอมตัวเข้าไปล่อซื้อและเจ้าพนักงานตำรวจอื่นได้เข้าจับกุมจำเลยได้พร้อมเงินที่ล่อซื้อ จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้องเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวข้างต้นเช่นกัน ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยขึ้นมาจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ เวลาประมาณ๑๘.๓๐ นาฬิกา จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑จำนวน ๙๒ เม็ด น้ำหนัก ๘.๗๕ กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อในราคา ๑๓,๘๐๐ บาทโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และจำเลยมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑จำนวน ๕ หลอด น้ำหนักสุทธิ ๔.๔๓ กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อในราคา ๑๒,๕๐๐ บาทโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย หลังจากนั้นร้อยตำรวจโทคมกริช ศรีสองเมืองกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยอันเป็นการกระทำการตามหน้าที่ จำเลยมอบเงินจำนวน ๑๘,๔๕๐ บาท ให้แก่ร้อยตำรวจโทคมกริชกับพวกเพื่อละเว้นไม่จับกุมจำเลยอันเป็นการจูงใจให้เจ้าพนักงานกระทำการหรือไม่กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ เหตุเกิดที่ตำบลบางเดือน อำเภอพุนพินจังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน๙๒ เม็ด เฮโรอีน ๕ หลอด เงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว และเงิน ๑๘,๔๕๐ บาท ที่จำเลยมอบให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจดังกล่าวเป็นของกลาง เมทแอมเฟตามีนของกลาง๑ เม็ด หมดไปในการตรวจพิสูจน์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๖, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑, ๑๔๔ ริบเมทแอมเฟตามีน เฮโรอีน และเงินสด๑๘,๔๕๐ บาท ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนตามฟ้อง ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง,๖๖ วรรคหนึ่ง (ที่ถูก มาตรา ๑๐๒ ด้วย) ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๔ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก ๘ ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุก ๖ ปีรวมจำคุก ๑๔ ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๗ ปี และฐานให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ จำคุก ๒ ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนและเบิกความเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสาม คงจำคุก ๑ ปี๔ เดือน รวมจำคุก ๘ ปี ๔ เดือน ริบเมทแอมเฟตามีน ๙๑ เม็ด เฮโรอีน๕ หลอด และเงิน ๑๘,๔๕๐ บาท ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ฐานจำหน่ายเฮโรอีน ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เป็นกรรมเดียวและเป็นความผิดต่อกฎหมายบทเดียวกัน (ที่ถูกเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท)ซึ่งมีอัตราโทษตามกฎหมายเท่ากันจึงให้ลงโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน จำคุก ๘ ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๔ ปี เมื่อรวมกับโทษจำคุกฐานให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่แล้ว คงจำคุก ๕ ปี ๔ เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า ความผิดฐานให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๔ นั้น ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก ๑ ปี ๔ เดือนจึงเป็นความผิดที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ วรรคหนึ่ง การที่จำเลยฎีกาว่าที่พยานโจทก์อ้างว่า จำเลยให้สินบนแก่เจ้าพนักงานเพื่อมิให้จับกุมนางดวงใจ แสงอาวุธ ซึ่งเป็นภริยาของจำเลย เป็นพฤติการณ์ที่เป็นพิรุธไม่น่าเชื่อเพราะไม่มีเหตุจูงใจที่จำเลยจะต้องทำเช่นนั้น เป็นการฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค ๘ที่เชื่อว่าจำเลยได้มอบเงินจำนวน ๑๘,๔๕๐ บาท ให้แก่ร้อยตำรวจโทคมกริช ศรีสองเมือง เพื่อไม่ให้จับกุมจำเลย จึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวข้างต้นส่วนความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ฐานจำหน่ายเฮโรอีน ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนนั้นแม้ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๘จะวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวและเป็นความผิดต่อกฎหมายบทเดียวกัน (ที่ถูกเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท) ที่มีอัตราโทษเท่ากันตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง,๖๖ วรรคหนึ่ง ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว จำคุก ๔ ปี ต่างจากที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำต่างกรรมกัน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก ๔ ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุก ๓ ปีก็ตาม แต่ก็เป็นการที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย และโทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ จำคุกจำเลยก็ไม่เกิน๕ ปี ความผิดส่วนนี้จึงเป็นความผิดที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ วรรคหนึ่งเช่นกัน การที่จำเลยฎีกาว่า นอกจากสิบตำรวจตรีโกมินทร์ สุวรรณฤกษ์พยานโจทก์อื่นไม่มีผู้ใดเห็น การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของจำเลย แต่อย่างใด ทั้งเมื่อพิจารณาจำนวนเมทแอมเฟตามีน ๙๒ เม็ดและเฮโรอีน ๕ หลอด นั้นรวมกันแล้วต้องใช้เงินล่อซื้อเกือบ ๓๐,๐๐๐ บาทการที่สิบตำรวจตรีโกมินทร์มีเงินไปล่อซื้อเพียง ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยคงไม่ยอมจำหน่ายให้แน่นอน แต่เป็นเรื่องที่มีการสร้างพยานหลักฐานขึ้นมาให้น่าเชื่อถือเท่านั้น ทั้งบันทึกเอกสารหมาย จ.๓ จ.๔ และ จ.๕ก็มีข้อบกพร่องเป็นพิรุธ พยานหลักฐานของโจทก์ไม่อาจรับฟังได้นั้นเป็นการฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค ๘ที่วินิจฉัยเชื่อว่า จำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนให้แก่สิบตำรวจตรีโกมินทร์ที่ปลอมตัวเข้าไปล่อซื้อและเจ้าพนักงานตำรวจอื่นได้เข้าจับกุมจำเลยได้พร้อมเงินที่ล่อซื้อ จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้องเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวข้างต้นเช่นกัน ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยขึ้นมาจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาจำเลย คืนเงินล่อซื้อ ๑๐,๐๐๐ บาทแก่เจ้าของ.

Share