คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1406/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีภริยาได้จดทะเบียนหย่าและแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาตามที่มีอยู่ในเวลาจดทะเบียนหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1512 แล้ว ซึ่งปรากฏในทะเบียนหย่าว่าบ้านพิพาทตกเป็นของภริยาการแบ่งทรัพย์สินดังกล่าวนี้ย่อมมีผลผูกพันสามี สามีจะโต้แย้งในภายหลังว่าการแบ่งบ้านพิพาทให้นี้ยังมิได้โอนทะเบียนกรรมสิทธิ์ยังเป็นของสามีอยู่หาได้ไม่ และกรณีไม่ใช่เป็นการให้โดยเสน่หาด้วย เมื่อบ้านพิพาทตกเป็นของภริยา ภริยาย่อมทำพินัยกรรมยกให้แก่ผู้อื่นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนางกะหรัด จันรัตน์ ซึ่งเป็นสามีภริยากันได้จดทะเบียนหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน และจดทะเบียนหย่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยจำเลยกับนางกะหรัดตกลงแบ่งสินสมรสให้บ้านพิพาทซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินซึ่งนางกะหรัดเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อันเป็นสินสมรสให้นางกะหรัด นางกะหรัดทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง ยกที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอรับมรดก จำเลยคัดค้านว่าบ้านพิพาทเป็นของจำเลย และจำเลยกับพวกบุกรุกเข้าไปลักเอาไม้กระดาน สังกะสีวงกบประตูหน้าต่างบ้านดังกล่าว ต่อมาจำเลยกับพวกได้เข้าไปรื้อถอนบ้านที่เหลือทั้งหมดไป นอกจากนี้จำเลยยังได้เก็บค่าเช่าบ้านดังกล่าวไปด้วย ขอให้ศาลพิพากษาว่าบ้านพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และให้จำเลยชดใช้เงินแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า บ้านที่โจทก์ฟ้องจำเลยมีชื่อถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว แม้จำเลยจะแบ่งทรัพย์ให้บ้านหลังนี้เป็นของนางกะหรัดก็จริง แต่ยังมิได้โอนทะเบียน กรรมสิทธิ์ยังเป็นของจำเลยพินัยกรรมของนางกะหรัดหามีผลบังคับไม่ จำเลยรื้อบ้านหลังนี้ ก็หมายความว่า จำเลยกลับใจไม่ให้แล้วค่าเช่าที่เก็บเป็นสิทธิของจำเลย

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า บ้านพิพาทปลูกอยู่บนที่ดินของนางกะหรัดจำเลยและนางกะหรัดหย่ากันแล้ว แบ่งทรัพย์สินกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1512 บ้านดังกล่าวเป็นของนางกะหรัด นางกะหรัดย่อมได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่แบ่งโดยมิต้องจดทะเบียน นางกะหรัดทำพินัยกรรมยกกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทให้โจทก์ บ้านพิพาทจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นสามีปลูกบ้านพิพาทลงบนที่ดินของนางกะหรัดภริยาโดยสุจริต นางกะหรัดจึงเป็นเจ้าของบ้านพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1310 จำเลยคงมีสิทธิแต่เพียงค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น เมื่อจำเลยจดทะเบียนหย่ากับนางกะหรัด และแบ่งบ้านพิพาทให้เป็นของนางกะหรัดอีก เป็นการยกค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวให้นางกะหรัด นางกะหรัดจึงเป็นเจ้าของบ้านพิพาทโดยไม่ต้องผูกพันที่จะจ่ายค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว และเป็นเจ้าของบ้านพิพาทโดยสมบูรณ์ตามผลของกฎหมายไม่มีอะไรที่จะต้องจดทะเบียน เมื่อโจทก์ได้รับโอนที่ดินไปตามพินัยกรรมของนางกะหรัดแล้ว บ้านพิพาทอันเป็นส่วนควบบนที่ดินก็ตกเป็นของโจทก์ พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยผู้เป็นสามีปลูกบ้านพิพาทบนที่ดินของนางกะหรัดภริยาบ้านพิพาทจึงเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับนางกะหรัด เมื่อจำเลยหย่ากับนางกะหรัด ก็ได้แบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาตามที่มีอยู่ในเวลาจดทะเบียนหย่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1512 แล้ว ซึ่งปรากฏในทะเบียนหย่าว่า บ้านพิพาทตกเป็นของนางกะหรัด การแบ่งทรัพย์สินตามที่มีอยู่ในเวลาจดทะเบียนหย่าเช่นนี้ ย่อมมีผลผูกพันจำเลย จำเลยจะโต้แย้งในภายหลังว่าการแบ่งบ้านพิพาทให้นี้ ยังมิได้โอนทะเบียนกรรมสิทธิ์ยังเป็นของจำเลยอยู่ หาได้ไม่ และกรณีไม่ใช่เป็นการให้โดยเสน่หาดังจำเลยฎีกา เมื่อบ้านพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของนางกะหรัดผู้ตาย ผู้ตายย่อมทำพินัยกรรมยกให้โจทก์ได้

พิพากษายืน

Share