คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14002/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้การบังคับคดีตามคำพิพากษาจะต้องบังคับเอาแก่ทรัพย์สินจำนองก่อน หากไม่ครบจำนวนหนี้จึงจะบังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่น แต่ในวันที่โจทก์ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 4 อีก ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 71474 ดังกล่าวที่พิพาท สืบเนื่องจากระยะเวลาการบังคับคดีใกล้สิ้นสุดลงแล้ว หากโจทก์ไม่ร้องขอให้ยึดทรัพย์สินที่พิพาททันที แต่ต้องรอให้มีการขายทรัพย์สินจำนองเสร็จก่อนถึงจะกลับมายึดทรัพย์สินที่พิพาทได้ก็จะเกิน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา เป็นเหตุให้โจทก์อาจเสียสิทธิในการบังคับคดี ทั้ง ๆ ที่การขายทอดตลาดทรัพย์สินจำนองยังไม่เสร็จสิ้นนั้น มิใช่เกิดจากความผิดของโจทก์แต่อย่างใด อีกประการหนึ่งจากสภาพราคาทรัพย์สินที่จำนองเป็นที่เห็นได้ชัดว่าไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษา การยึดทรัพย์สินที่พิพาทไว้ก่อน แต่ยังไม่นำออกขายจนกว่ามีการขายทอดตลาดทรัพย์สินจำนองเสร็จสิ้นและได้เงินไม่พอชำระหนี้ จึงค่อยนำทรัพย์สินพิพาทออกขายก็ไม่ขัดต่อขั้นตอนการบังคับคดีตามคำพิพากษาและก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โจทก์จึงมีสิทธินำยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 4 เพิ่มเติมได้ ส่วนที่โจทก์ขอให้ศาลฎีกาคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้จำเลยทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินพิพาทจนกว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในท้ายฎีกานั้น เห็นว่า คดีอยู่ในชั้นบังคับคดี กรณีคำขอดังกล่าวของโจทก์จึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลฎีกาที่จะมีคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2544 ให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงิน 2,136,053.48 บาท พร้อมดอกเบี้ย หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 76124, 76125 ตำบลวังทองหลาง อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ขายทอดตลาดชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอชำระให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งห้าขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ กับให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งห้าไม่ชำระ โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินจำนองทั้งสองแปลงดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีชื่อจำเลยทั้งห้าถือกรรมสิทธิ์เพื่อขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2553 และประเมินราคารวมเป็นเงิน 3,103,200 บาท
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
โจทก์ยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 71474 ของจำเลยที่ 4 ไว้ก่อนโดยยังไม่ต้องนำออกขายทอดตลาดจนกว่าจะขายทอดตลาดที่ดินจำนอง และหากไม่พอชำระก็ให้นำที่ดินดังกล่าวขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์
จำเลยที่ 4 ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธินำยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 4 เพิ่มเติม โดยยังมิได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองไว้แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า แม้การบังคับคดีตามคำพิพากษาจะต้องบังคับเอาแก่ทรัพย์สินจำนองก่อน หากไม่ครบจำนวนหนี้จึงจะบังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่น แต่ในวันที่โจทก์ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 4 อีก ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 71474 ดังกล่าวที่พิพาท สืบเนื่องจากระยะเวลาการบังคับคดีใกล้สิ้นสุดลงแล้ว หากโจทก์ไม่ร้องขอให้ยึดทรัพย์สินที่พิพาททันที แต่ต้องรอให้มีการขายทรัพย์สินจำนองเสร็จก่อนถึงจะกลับมายึดทรัพย์สินที่พิพาทได้ก็จะเกิน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา เป็นเหตุให้โจทก์อาจเสียสิทธิในการบังคับคดี ทั้ง ๆ ที่การขายทอดตลาดทรัพย์สินจำนองยังไม่เสร็จสิ้นนั้น มิใช่เกิดจากความผิดของโจทก์แต่อย่างใด อีกประการหนึ่งจากสภาพราคาทรัพย์สินที่จำนองเป็นที่เห็นได้ชัดว่าไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษา การยึดทรัพย์สินที่พิพาทไว้ก่อน แต่ยังไม่ต้องนำออกขายจนกว่ามีการขายทอดตลาดทรัพย์สินจำนองเสร็จสิ้นและได้เงินไม่พอชำระหนี้จึงค่อยนำทรัพย์สินพิพาทออกขายก็ไม่ขัดต่อขั้นตอนการบังคับคดีตามคำพิพากษา และก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โจทก์จึงมีสิทธินำยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 4 เพิ่มเติมได้ ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีและศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์นำยึดทรัพย์สินที่พิพาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง ที่โจทก์ขอให้ศาลฎีกาคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้จำเลยทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินพิพาทจนกว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในท้ายฎีกานั้น เห็นว่า คดีอยู่ในชั้นบังคับคดี กรณีคำขอดังกล่าวของโจทก์จึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลฎีกาที่จะมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254
พิพากษากลับว่า ให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 71474 ตำบลบางขุนเทียน (บางปะทุน) อำเภอบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 4 ตามคำขอยึดทรัพย์ของโจทก์ ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2554 แต่ให้รอการขายไว้ก่อนจนกว่าการขายทรัพย์สินที่จำนองทั้งหมดเสร็จสิ้นและได้เงินไม่พอชำระหนี้ จึงอนุญาตให้นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ยึดไว้ดังกล่าวนี้ออกขายทอดตลาด คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share