แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยหลอกลวงและได้ไปซึ่งทรัพย์ตามที่หลอกลวงจากผู้เสียหายอันเป็นความผิดสำเร็จฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341แล้ว ในวันต่อมาจึงได้ออกเช็คมอบให้ผู้เสียหายเพื่อเป็นการชำระหนี้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำต่างหากจากการกระทำอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงในตอนต้น เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 อีกกรรมหนึ่ง
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องกำกวมก็ดี จำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงก็ดี เมื่อฎีกาของจำเลยไม่มีสาระว่าฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)อย่างไร ทั้งจำเลยก็รับสารภาพตามฟ้อง ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นของศาลชั้นต้นหลายคดี แต่ปรากฏจากคำร้องของโจทก์ว่าศาลพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วเพียงคดีเดียว จึงนับโทษต่อได้เฉพาะคดีดังกล่าวเท่านั้น.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันหลอกลวงและได้ไปซึ่งข้าวเปลือกจำนวน 7 เกวียน 35 ถังเป็นเงิน 22,652 บาทตามที่หลอกลวงจากผู้เสียหายแล้วในวันต่อมาจำเลยได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงิน 22,652 บาทมอบให้ผู้เสียหายเพื่อเป็นการชำระหนี้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คและเมื่อเช็คนั้นถึงกำหนดชำระธนาคารตามเช็คก็ปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่าโปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 83,91 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา3 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 22,652 บาทแก่ผู้เสียหายและนับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาอื่นของศาลชั้นต้นรวม 6 คดี
นายไข ขายมผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาอื่นของศาลชั้นต้นที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 83, 91 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 ฐานฉ้อโกงจำคุก 1 ปีฐานผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คจำคุก 6 เดือนรวมจำคุก 1 ปี 6เดือนจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78จำคุก 9 เดือนให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 22,652 บาทแก่ผู้เสียหายและให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาอื่นของศาลชั้นต้นรวม 6 คดีตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามพฤติการณ์แห่งคดีศาลชั้นต้นวางโทษจำเลยเหมาะสมแก่สภาพความผิดและไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้จำเลยแต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทพิพากษาแก้ให้ลงโทษฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 จำคุก 1 ปีจำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือนนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังได้ตามฟ้องซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพว่าจำเลยหลอกลวงและได้ไปซึ่งทรัพย์ตามที่หลอกลวงจากผู้เสียหายอันเป็นความผิดสำเร็จฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 แล้วในวันต่อมาจึงได้ออกเช็คมอบให้ผู้เสียหายเพื่อเป็นการชำระหนี้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำต่างหากจากการกระทำอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงในตอนต้น ฉะนั้นเมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 เป็นอีกกรรมหนึ่งด้วยฎีกาโจทก์ฟังขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องกำกวมก็ดีจำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงก็ดีเห็นว่าฎีกาของจำเลยไม่มีสาระว่าฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) อย่างไรทั้งจำเลยก็รับสารภาพตามฟ้องอีกด้วยศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
ที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นของศาลชั้นต้นรวม 6 คดีนั้นไม่ปรากฏว่าคดีดังกล่าวมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำเลยแล้วหรือไม่คงปรากฏจากคำร้องลงวันที่ 20 ธันวาคม 2528 ของโจทก์ว่าคดีหมายเลขดำที่ 1225/2528 ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1804/2528 จึงนับโทษต่อได้เฉพาะคดีดังกล่าวเท่านั้น
พิพากษาแก้เป็นว่าให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้นับโทษต่อเฉพาะคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1804/2528 ของศาลชั้นต้น.