แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ตำรวจยึดรถยนต์ที่ใช้บรรทุกไม้ที่ผิดกฎหมายไว้เป็นของกลางจำเลยกับพวกพากันมาขับและเข็นรถยนต์นั้นไปเพียงแต่ช่วยให้ได้รถกลับคืน ไม่มีเจตนาทุจริตมาลักทรัพย์
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 142, 83, 78 จำคุก 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 142, 335(1)(7) ลงโทษตาม มาตรา 335 วรรคสอง, 40, 78 จำคุก2 ปี 8 เดือน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 16 นาฬิกา ตำรวจพบรถยนต์บรรทุกขนาดกลาง 2 คัน บรรทุกไม้ผิดกฎหมายมาได้ทำการจับกุม แต่คนขับรถยนต์ทั้งสองคนหลบหนีจับตัวไม่ได้จึงยึดรถยนต์และไม้นำมาเก็บรักษาไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอร้องกวาง ตำรวจจำคนขับรถยนต์คันหนึ่งที่ไม่มีเลขทะเบียนได้ว่าเป็นนายฟอง ในวันนั้นเอาเวลาประมาณ 20 นาฬิกา จำเลยกับพวกมาช่วยกันเข็นรถยนต์ซึ่งถูกยึดคันที่ตำรวจเห็นนายฟองเป็นผู้ขับ และพฤติการณ์ที่จำเลยมาเข็นรถยนต์ดังกล่าวได้ความจากพยานโจทก์ว่าจำเลยมากับพวกประมาณ 100 คนเศษ เดินขบวนมาตามถนนจำเลยกับพวกบางคนเดินรำนำหน้าขบวนมาตามถนน จำเลยกับพวกบางคนเดินรำนำหน้าขบวนอย่างสนุกสนามส่งเสียงเอะอะแล้วเข้าไปบริเวณสถานีตำรวจภูธรอำเภอร้องกวาง ในขณะที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานอยู่ จำเลยกับพวกประมาณ 20 คนเข็นรถ พวกที่มิได้เข็นก็รำอยู่บริเวณนั้น และนายฟองขึ้นไปขับรถยนต์จนติดเครื่องยนต์ได้ก็ขับรถยนต์ออกไป ส่วนจำเลยมิได้ร่วมไปกับนายฟองและพวกด้วย คงอยู่ในบริเวณสถานีตำรวจจนถูกจับ เห็นเจตนาว่าจำเลยมุ่งจะช่วยพวกของจำเลยให้ได้รถยนต์ที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้กลับคืนไปไม่เชื่อว่าจำเลยจะมีเจตนาทุจริตมาลักทรัพย์”
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น