คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กับโจทก์แล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ จำเลยที่ 1 และผู้ร้องได้ตกลงโอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์คันนั้น แม้โจทก์ยินยอมมอบแบบพิมพ์โอนสิทธิการเช่าซื้อให้จำเลยที่ 1 และผู้ร้องพร้อมทั้งแนะนำให้ผู้ร้องเรียกคู่สัญญาเช่าซื้อจากจำเลยมาเก็บไว้ แต่การโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าซื้อเป็นของคู่สัญญาคือโจทก์จำเลยโดยเฉพาะ ผู้ร้องและจำเลยจะโอนให้แก่กันไม่ได้เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากโจทก์ หรือมิฉะนั้นผู้ร้องและจำเลยต้องทำสัญญากับโจทก์โดยตรงเพียงแต่โจทก์มอบแบบพิมพ์โอนการเช่าซื้อให้จำเลยและผู้ร้องจะถือว่าโจทก์ยินยอมเป็นหนังสือยังไม่ได้ผู้ร้องจึงไม่มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีที่จะร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 รับรถยนต์ไปแล้ว ต่อมาผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อติดต่อกัน 5 งวด โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองส่งรถยนต์คืนโจทก์ ถ้าไม่สามารถคืนได้ให้ชำระราคารถยนต์ที่ค้าง 92,730 บาท

จำเลยทั้งสองให้การสู้คดี

ระหว่างพิจารณาสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน นายพจนาทผู้ร้องได้ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมอ้างว่าผู้ร้องได้รับโอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยโจทก์ยินยอมพร้อมกันมอบหนังสือโอนสิทธิการเช่าซื้อของโจทก์ให้ผู้ร้องเพื่อให้จำเลยที่ 1 ลงชื่อเป็นผู้โอนและผู้ร้องลงชื่อเป็นผู้รับโอนกับให้ผู้ร้องชำระเงินค่าเช่าซื้อต่อจากจำเลย ผู้ร้องได้ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์แล้ว 11,130 บาท แต่โจทก์ไม่ยอมออกใบเสร็จรับเงินให้ผู้ร้องยินดีจะชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ต่อไป แต่โจทก์จะต้องทำสัญญาเช่าซื้อกับผู้ร้องโดยตรงเสียก่อน โจทก์ไม่ยอมและส่งพนักงานมาเพื่อจะยึดรถคันดังกล่าว ทั้งไม่ยอมต่อทะเบียนภาษีรถยนต์ให้ เป็นเหตุให้ผู้ร้องเสียหาย

ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้ร้องไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดียกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทกับโจทก์โดยตกลงชำระค่าเช่าซื้อเป็นงวด ๆ เดือนละ 3,710 บาทมีกำหนด 36 เดือน จำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าซื้อมาถึงงวดที่ 11 พอถึงงวดที่ 12 จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อผู้ร้องฎีกาว่าจำเลยที่ 1 และผู้ร้องได้ตกลงโอนสิทธิการเช่าซื้อรถคันพิพาทจากจำเลยที่ 1 มาเป็นของผู้ร้องโดยโจทก์ยินยอมคือโจทก์มอบแบบพิมพ์โอนสิทธิการเช่าซื้อรถยนต์ให้จำเลยที่ 1 และผู้ร้องพร้อมทั้งแนะนำให้ผู้ร้องเรียกคู่สัญญาเช่าซื้อจากจำเลยมาเก็บไว้ ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะเรียกร้องให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อได้ เพราะชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ยังไม่เสร็จสิ้น จำเลยจึงมีเพียงหน้าที่ที่จะต้องชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์ต่อไปตามสัญญาเท่านั้น แม้ผู้ร้องและจำเลยมีเจตนาจะโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่กันก็ตามเห็นว่าสิทธิและหน้าที่ดังกล่าวเป็นของคู่สัญญา คือ โจทก์จำเลยโดยเฉพาะผู้ร้องและจำเลยจะทำการโอนให้แก่กันไม่ได้เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากโจทก์อย่างชัดแจ้ง หรือมิฉะนั้นผู้ร้องและจำเลยต้องไปทำสัญญากับโจทก์โดยตรง เพียงแต่โจทก์มอบแบบพิมพ์โอนการเช่าซื้อรถยนต์ให้จำเลยและผู้ร้อง จะถือว่าโจทก์ยินยอมเป็นหนังสือยังไม่ได้ กับทั้งคำร้องข้อ 2 มีความว่าผู้ร้องได้ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์แล้ว แต่โจทก์ไม่ออกใบเสร็จรับเงินให้ ผู้ร้องยินดีจะชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ต่อไป แต่โจทก์จะต้องทำสัญญาเช่าซื้อกับผู้ร้องเสียก่อนโจทก์ก็ไม่ยินยอมดังนี้ แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นผู้เช่าซื้อแทนจำเลย ถ้ามิฉะนั้นแล้ว โจทก์ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำขอของผู้ร้อง ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย ผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี ให้ยกคำร้องของผู้ร้องนั้น ชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share