คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1389/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การเข้ายึดถือครอบครองย่อมไม่ได้สิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งไม่อาจอ้างสิทธิใดๆ ใช้ยันรัฐได้ แต่ในระหว่างราษฎรด้วยกัน ย่อมยกการยึดถือครอบครองก่อนขึ้นยันผู้อื่นที่เข้ามารบกวนได้ในขณะเวลาที่ตนยังยึดถือครอบครองอยู่เท่านั้น ดังนั้น การที่โจทก์ให้จำเลยเช่าที่ดินพิพาทจึงเป็นการกระทำที่ไม่มีสิทธิเพราะเท่ากับนำที่ดินของรัฐไปให้บุคคลอื่นเช่าโดยรัฐไม่ยินยอมและมีผลเป็นการมอบการยึดถือครอบครองให้แก่จำเลย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทอีกต่อไป จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ครอบครองที่ดินพิพาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 174/1 และที่ดินมือเปล่าตามแบบแสดงรายการที่ดิน (ภ.บ.ท.5) เลขสำรวจที่ 728/2541 หมู่ที่ 7 ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร เนื้อที่ 3 ไร่ 5 ตารางวา เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2543 จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินบางส่วนเนื้อที่ 25 ตารางวา และบ้านดังกล่าวจากโจทก์มีกำหนด 2 ปี ชำระค่าเช่าเดือนละ 3,500 บาท ทุกวันที่ 5 ของเดือน ต่อมาจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่านับแต่วันที่ 5 เมษายน 2543 เป็นต้นมา โจทก์มอบให้ทนายความบอกเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแล้วและให้จำเลยออกไปจากบ้านและที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉยนับถึงวันฟ้องจำเลยค้างชำระค่าเช่า 13,417 บาท โจทก์ขอคิดค่าเสียหายจากการขาดประโยชน์นำที่ดินและบ้านให้ผู้อื่นเช่าจะได้ค่าเช่าเดือนละ 7,000 บาท ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากบ้านเลขที่ 174/1 และที่ดินมือเปล่าตามแบบแสดงรายการที่ดินเลขที่สำรวจที่ 728/2541 หมู่ที่ 7 ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ให้จำเลยส่งมอบบ้านและที่ดินให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับบ้านและที่ดิน ให้จำเลยชำระค่าเช่า 13,417 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ 7,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากบ้านและที่ดิน
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจนำที่ดินของรัฐไปให้จำเลยหรือบุคคลใดเช่าจึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่าค้างชำระและค่าเสียหายจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากบ้านเลขที่ 174/1 หมู่ที่ 7 ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ให้จำเลยส่งมอบบ้านให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับบ้านอีกต่อไป ให้จำเลยชำระเงิน 7,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากบ้าน คืนค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นและในชั้นอุทธรณ์ศาลละ 100 บาท แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำร้องไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง เมื่อโจทก์ฎีกาเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย การวินิจฉัยปัญหาเช่นว่านี้ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 6 ฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินพิพาทและบ้านเลขที่ 174/1 หมู่ที่ 7 ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ของโจทก์อยู่ในเขตป่าไม้ถาวรป่าหนองคล้า – คลองเรือ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2543 จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทและบ้านเลขที่ 174/1 ดังกล่าว ตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.4 จำเลยไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่าและฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากที่ดินพิพาทและบ้านเลขที่ 174/1 กับเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระและค่าเสียหาย มีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทหรือไม่ เห็นว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การเข้ายึดถือครอบครองย่อมไม่ได้สิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งไม่อาจอ้างสิทธิใดๆ ใช้ยันรัฐได้ แต่ในระหว่างราษฎรด้วยกัน ย่อมยกการยึดถือครอบครองก่อนขึ้นยันผู้อื่นที่เข้ามารบกวนได้ในขณะเวลาที่ตนยังยึดถือครอบครองอยู่เท่านั้น ดังนั้นการที่โจทก์ให้จำเลยเช่าที่ดินพิพาทจึงเป็นการกระทำที่ไม่มีสิทธิเพราะเท่ากับนำที่ดินของรัฐไปให้บุคคลอื่นเช่าโดยรัฐไม่ยินยอมและมีผลเป็นการมอบการยึดถือครอบครองให้แก่จำเลย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทอีกต่อไป จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ครอบครองที่ดินพิพาทได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share