แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะจำเลยมาทำการปล้นทรัพย์จำเลยไม่มียานพาหนะมาเมื่อจำเลยปล้นเงินและรถยนต์สามล้อของผู้เสียหายได้แล้วจำเลยก็ขับรถยนต์คันที่ปล้นได้หลบหนีไป ดังนี้ เป็นการเอาทรัพย์ที่ปล้นได้หลบหนีไปตามสภาพของทรัพย์นั้นเอง ถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการปล้นโดยใช้ยานพาหนะเพื่อพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมอันเป็นเหตุให้โทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันปล้นทรัพย์มีเงิน รถยนต์สามล้อ และทรัพย์อื่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 340 ตรี, 83
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี ด้วยนั้น เห็นว่าจำเลยมิได้ใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด เพราะยานพาหนะเป็นทรัพย์ที่จำเลยปล้นเอาไปนั่นเอง มิใช่เป็นการปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดการกระทำของจำเลยไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี พิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340,83 ฯลฯ ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี ตามที่โจทก์ขอ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าขณะทำการปล้นทรัพย์นั้นจำเลยทั้งสามไม่มียานพาหนะมา รถยนต์สามล้อเป็นทรัพย์ที่จำเลยปล้นเอาไป ทำการปล้นทั้งเงินและรถในขณะเดียวกัน การที่จำเลยขับรถคันที่ปล้นหลบหนีไปนั้น เป็นการพาเอาทรัพย์ที่ปล้นได้หลบหนีไปตามสภาพของทรัพย์นั้นเอง ถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี ศาลล่างพิพากษายกฟ้องโจทก์ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน